
สูญสิ้นความเป็นคน เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่หัวหน้าของภรรยาหยิบมาให้อ่าน พออ่านไปแล้วก็ยืนยันว่าหนังสือดีมาก เรื่องราวบันทึกของชายหลักแหลมแต่กลับอ่อนไหวต่อโลกบ่ายวันหนึ่งที่ได้หยิบขึ้นมาอ่านไปบทหนึ่งหลังจากที่ขี้เกียจตรวจข้อสอบเด็กปี 3 กับงานของบริษัทส่วนตัวที่แสนหงุดหงิดใจเพราะลูกค้าพร้อมใจบันเทิงคิดว่างานเขียนโปรแกรมเป็นงานเสกได้ ก็นึกขึ้นได้ว่า ภรรยาเคยหยิบหนังสือเล่มนี้มาให้แล้วบอกว่า หัวหน้าของคุณภรรยาแนะนำให้อ่านดู พออ่านจบไปบทหนึ่งเท่านั้นแหละครับ ก็ตีความได้ว่าบันทึกจากหนังสือเล่มนี้มันดาร์คได้ใจ ยิ่งไปค้นหาในรีวิวของ Google ก็ได้รู้ว่ามันเป็นวรรณกรรม ไม่มีลิขสิทธิ์ เหมือนวรรณกรรมของ Edgar Allan Poe ที่มียอดการรีวิวอยู่ในเชิงบวกบนเนื้อหาโคตรดาร์ค
เราจะเห็นมุมมอง โอนิวะ โยโซ ตัวเอกเจ้าของบันทึกเล่มนี้ที่มีต่อโลกแบบป่วยๆ เล็กน้อย ผ่านการตีความชนิดที่แปลกแยกแต่ก็ฉลาดคมคายในตัวของเขาเอง เขาศูนย์เสียความเป็นตัวเอง จริต หรือความรู้สึกพื้นฐานของอารมณ์ ซึ่งนั่นก็คือที่มาของความเป็นมุนษย์ ชีวิตที่ปราศจาคกลิ่น รส ของความอยาก (ซึ่งหนังสือก็เล่าไปถึงพื้นเพของตัวเอกที่เกิดมาในตระกูลที่มีอันจะกิน) เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องหิว รู้แค่ว่าถึงเวลาที่ต้องทานข้าวก็ต้องทานข้าว การมองโลกในมุมมองแบบนี้ทำให้เขาห่างจากสภาวะอารมณ์ของความอยาก เป็นจุดแรกที่เกิดข้อสงสัยในตัวเองว่า เขากำลังแปลกแยกจากการเป็นคนออกไป
อารมณ์ขันเป็นสิ่งที่เดียวที่เชื่อมโยงเขากับโลกใบนี้ได้ เพราะมันเชื่อมโยงโยโซไปยัง เพื่อนสนิท และ ผู้หญิง และประเด็นหลังนี่แหละที่ทำให้จุดเปลี่ยนชีวิตของเขาถลำลงไป โยโซมักจะเสแสร้งให้ตัวเองเป็นตลกให้คนอื่นสนุกและรู้สึกขบขันในการกระทำของตัวเองเป็นประจำ แต่ภายในการแสแสร้งอันน่าขำนั้นมันคือความกลัว กลัวที่วันหนึ่งเขาจะมีเพื่อนหรือคนที่ให้ความสำคัญ นั่นคือสภาวะที่โยโซเลือกจะปฏิเสธความรู้สึกจริงๆของเขาเพื่อแลกกับบางสิ่งที่ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็น ของจริง
มุมมองที่น่าสนใจอีกระดับหนึ่งคือ มุมมองของผู้หญิงที่ปรากฏกายเข้ามาในชีวิตของเขา ไปจนถึงชีวิตบั้นปลายของเขาที่ต้องลงเอยแบบงุนงงกับสาวที่อายุแก่กว่าเท่าตัว กับการตีความด้วยวาทศิลป์ยียวนและฉลาด ย้อนแย้งเพศหญิงเปรียบกับเผ่าพันธ์อื่นที่อาศัยบนดาวดวงเดียวกัน กับสภาวะที่เป็นเผ่าพันธ์ที่ต้องดูแลเอาอกเอาใจแต่ ก็อย่าไว้เนื้อเชื่อใจเพราะบางครั้งก็พร้อมจะสร้างพลังทำลายบางสิ่งได้อย่างถึงที่สุด
ชีวิตของโยโซในบันทึกนี้ จะพาเราวิ่งวนจากชีวิตวัยเด็ก ไปจนวัยรุ่น ความหลงผิด การเข้าร่วมกลุ่มใต้ดินที่ไม่เกี่ยวกับอดุมการณ์แต่เพราะว่ามันเท่ห์ (All that glitters is not gold, The Merchant of Venice) การฆ่าตัวตาย พบเจอสตรีหลากหลายแต่ถลำลึกลงไปในความมืดหม่น เข้าโรงพยาบาลบ้า และจมปรักกับบั้นปลายที่ยังเป็นปริศนากับ การตัดบทสรุปผ่านบันทึกที่จบเอาดื้อๆ แต่เล่นเราจุกอกไปพอประมาณ ประมาณ…
ชีวิตระยำ
เป็นหนังสือดีครับ แต่ถ้าใครที่มองโลกในแง่ร้ายอยู่ 60-70% เจอความดาร์คระยำของหนังสือเล่มนี้เข้าไปอาจจะดาร์คกว่าเดิมอยู่หลายเท่า และอาจจะเกิดอาการจุกเอาดื้อในอกได้
ปล. แม้ผมจะใส่คำว่า ระยำ ลงไป… แต่หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือดี และถ้าได้อ่านสามารถนำพาคุณอ่านจบได้สบายๆ แม้ว่าคุณจะเป็นคนที่ไม่ชอบการอ่าน เพราะคุณจะอึดอัดและอยากจะเข้าไปช่วยเหลือโยโซคนนี้ให้ออกจากขุมนรกในใจของเขา และหาทางดึงเค้ากลับมาสู่ความเป็นมนุษย์เหมือนเราอีกครั้ง แต่… มันเป็นไปไม่ได้ครับ
อันที่จริงแล้ว ถ้าอ่านบทส่งท้ายเราจะทราบว่าเนื้อความจริงๆ แทบจะเป็นชีวิตของ อะไซ โอซามุ ทั้งสารพันปัญหาชีวิต หญิงสาวเจ้าของบาร์ร่างเล็ก และ การพยายามฆ่าตัวตาย (ซึ่งสุดท้ายเค้าก็ตายจริงๆ) ผ่านตัวละครที่พร้อมจะฉุดสรรพชีวิตให้ตกต่ำและโดนทำลายไปพร้อมกับเขา และเมื่อตัวละครใดที่คิดได้ เขาก็จะจากไปไล่ทำลายชีวิตอื่น
恥の多い生涯を送って来ました。
กระผมได้ผ่านชีวิตแสนอัปยศอดสูมามากมาย
ชีวิตที่ไม่ทุกข์ และไม่สุข มันคือ เศษมนุษย์โดยแท้, สูญสิ้นความเป็นคนแล้วสินะครับ