
สมมติว่าช่วงนี้โรงภาพยนตร์ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย อยู่บ้านงานการและกิจกรรมมีประโยชน์ไม่มีแล้ว ผมขอแนะนำ 10 อันดับหนังเกรดบี ที่คุณควรจะลองเสพสักหน่อย
หนังเกรดบีส่วนมากถูกนิยามในแง่ลบว่า Low Budget ทุนต่ำ บทเชย หลายเรื่องเป็น ภาคต่อที่ไม่สนุก ไม่ลงทุนกับดาราเพราะมีแต่โนเนม หรือเคยดังมาเล่นตอนนี้กู่ไม่กลับแล้ว อีกทั้งบางเรื่อง CG ห่วยไม่เนียน เล่าเรื่องประหลาดๆ เน้นสาวนมใหญ่ๆ มีวับๆแวมๆ แล้วก็เป็นหนังสยองขวัญเป็นหลัก ที่สำคัญมันมักจะถูกลงแผ่นทันที แต่จะว่าไปแล้วถ้าตัดปัจจัยเรื่องเหล่านั้นไปได้ หลายๆ เรื่องก็สามารถให้ความบันเทิงระยะสั้นในช่วงเวลาที่คุณไม่มีอะไรสำคัญจะทำจริงๆ ผมเลยขออนุญาติแนะนำหนังเกรดบีที่ผมเลือกมาให้ 10 เรื่อง ซึ่งขอยืนยันว่า พอดูได้ และบางเรื่องก็สนุกเสียด้วย
เรื่องที่ 1 Stung (2015) ฝูงนรกหกขาล่ายึดร่าง
ประเภท สยองขวัญ 20% / แหวะ 60% / ฮา 20% ช่วงเวลาที่ควรรับชมคือ บ่ายแก่ๆ ในวันหยุดที่คุณไม่มีนัด ไม่มีรอบหนัง ไม่รู้สึกว่าต้องไปกินข้าว และไม่มีธุระอะไรใดๆ จากเพื่อนสนิท ญาติ หรือแฟน เป็นวันที่เหลือเพียงคุณคนเดียวจริงๆ ในบ่ายแก่ๆ ก็ขอแนะนำภาพยนตร์เรื่อง Stung แน่นอนว่ามันเป็นหนังสัตว์โลกออกอาละวาดคน ที่ถ้าใครที่ศึกษาแนวหนังประเภทนี้มาแล้วแบบผมในบทความนี้ “Animal Attack Movies รวมหนังสัตว์ขย้ำ หม่ำมนุษย์” เราจะต้องรู้ว่าแกนเรื่องเป็นยังไง แน่นอนว่าคุณไม่ต้องไปเดา เพราะ พระเอก นางเอก ในเรื่องนี้ต้องวิ่งหนี ตัวต่อมรณะที่ถูกกลายพันธ์ได้ โดยเฉพาะเวลามันเข้าไปในร่างของคนมันจะรวมร่างใหม่กลายเป็นต่อยักษ์
แน่นอนว่า พระนางก็ต้องเสี่ยงตาย วิ่งหนี เข้าไปในบ้านแล้วก็เจอสถานการณ์ที่เรียกตำรวจไม่ได้ และสมาชิกก็ทยอยกลายเป็นอาหารของตัวต่อไปทีละตัว *คำเตือนฉากแหวะเยอะ แต่ไม่คัลท์เท่าเรื่อง HellRaiser (บิดเปิดผี) และ Hostel ใครที่อยากรู้ว่าตัวต่อกลายพันธ์เป็นยังไง (CG ลอยๆ) ก็เสพซะ แต่โดยรวมหนังก็ดูสนุกนะครับ
เรื่องที่ 2 Rampage (2009)
ประเภท แอ็คชัน 90% นอกนั้น ฮา เป็นหนังเกรดบีที่ถ้าพูดชื่อผู้กำกับหลายคนแอบด่าบุพการีทันที เค้าคือ Uwe Boll ที่ทำหนังจากเกมเจ๊งแบบต่ำสถุนไปหลายเรื่อง แต่พอเค้ามาทำหนังเรื่อง Rampage ด้วยทุนต่ำพอๆ กับหนังเกมทั้งหลายของเค้า Uwe Boll กลับพัฒนาการเล่าเรื่องเชิงนามธรรมได้ดีขึ้น โดยเรื่องที่เค้าหยิบมาเล่าคือ อเมริกา ในสไตล์ของ Uwe Boll ผ่านตัวละครป่วยจิต Bill (Brendan Fletcher) วัยรุ่นที่ต้องการออกมาปฏิวัตโลก และเปลี่ยนระบบโดยการ โมชุดกีฬา Paint Ball ที่ซื้อจากอินเทอร์เน็ต กับเหล็กกับกระสุน และสั่งซื้อปืนอาวุธสงคราม(ที่หาง่ายเหลือเกินในอเมริกา เป็นการประชดประชัน) แล้วก็เดินดุ่ยๆ ไปกราดยิงชาวบ้านตาดำๆ แต่เราจะรู้ความหมายของ Bill ที่มีต่อระบบผ่านการกระทำทุกอย่างของเขา
ดังนั้นขออัญเชิญไปหารับชม แล้วดูที่ Message ที่ Uwe Boll จะสื่อไม่ใช่เรื่องของหนังแต่เป็น “ที่นี่อเมริกา”
เรื่องที่ 3 Rampage: Capital Punishment (2014)
ประเภท แอ็คชัน 90% นอกนั้น ฮา เกรดบีเช่นเคย กับภาคต่อของ Rampage ในปี 2009 ตัวละคร Bill เจ้าเดิมที่เพิ่มคือความหดหู่ของตัวละครที่โผล่เข้ามาเจอ Bill
สั้นๆ แง่คิดที่ได้จากภาคนี้คือ “สังคมที่อยู่ทุกวันนี้มันเน่าเฟะลงเรื่อยๆ แต่เราต้องอยู่ให้ได้โดยการโกหกตัวเองว่าทุกอย่างยังโอเค”
เรื่องที่ 4 Out of the dark (2014) มันโผล่จากความมืด
ประเภท สยองขวัญ 60% / ดราม่า 40% ช่วงเวลาที่ควรชมเวลาไหนก็ได้ แปลกที่ Production มันเกรดบีมากๆ แต่กลับได้ดาราที่โอเคมาเล่นเยอะ เช่น Julia Stiles, Scott Speedman และ StephenRea เรื่องราวเกิดขึ้นในประเทศ โคลัมเบีย ครอบครัวหนึ่งเดินทางมาเพื่อรับช่วงกิจการของคนรุ่นแก่กลับต้องพบว่า บ้านที่ตัวเองอยู่นั้นมีเรื่องราวแปลกที่มักจะปรากฏออกมาเฉพาะช่วงเวลาที่เกิดความมืด อีกทั้งสถานการณ์กับแย่ลงเมื่อ ลูกสาวตัวน้อยจู่ๆ ก็หายไป สามี ภรรยา จึงแยกย้ายกันออกมาตามหาลูกสาว (ถูกครับ แยกย้ายกันจริงๆ สกิลสามีคือ แกะรอย ส่วน ภรรยาคือ สืบสวนจากพยาน แหม….)
จะว่าไปมันก็โอเคนะครับ แต่เนื้อเรื่องแนวนี้มันผิดอย่างเดียวคือ มันทำมาช้าไป ทำให้คนดูที่เคยผ่าน Insedious หรือ The Conjuring มาแล้วรู้สึกธรรมดาๆ ตัวหนังเลยอยู่ในแผ่นเป็นเกรดบีไปทันที ซึ่งจริงๆ แล้วหนังก็ไม่ได้แย่อะไรแคพลอตมันอิ่มตัวสำหรับสายสยองไปแล้ว แต่ถ้าดูเพลินๆ ก็โอเค
เรื่องที่ 5 The Colony (2013) เมืองร้างนิคมสยอง
ประเภท สยองขวัญ 50% / ดราม่า 10% / แอ็คชัน 40% เป็นอีกเรื่องที่มีดาราดีๆ มาเล่นเยอะมากทั้ง Laurence Fishburne, Bill Paxton และ Kevin Zegers แต่ตัวหนังกลับถูกยัดลงแผ่นทันที เลยกลายเป็นเกรดบีไปโดยปริยายแต่ไม่เป็นไร เอาเข้าจริงก็สนุกตื่นเต้นดูได้เพลินๆ ในรอบหัวค่ำก่อนนอนสักวันแบบไม่เครียด เรื่องราวเป็นช่วงที่ โลกมนุษย์เข้าสู่ภาวะน้ำแข็งขั่วโลกกลืนกิน ทางรอดคือตำนวนความเชื่อสถานที่ที่มีต้นไม้และแสงแดด พระเอกของเรา Kevin Zegers เชื่ออย่างนั้น แต่ผู้นำทั้ง 2 คนของเขากลับขัดแย้ง ซ้ำร้ายฝุงมนุษย์กลายพันธ์ุก็คลืบคลานเข้ามายังอาณานิยมของพวกเขา ทำให้พวกเขาต้องเลือกว่าจะต่อสู้ หรือจะทิ้งที่แห่งนี้เพื่อเดินทางไปยังสถานที่แห่งตำนาน
ก็ถือว่าแอ็คชันสนุก ตื่นเต้น ลุ้นเป็นจังหวะตามทุนของมันครับ ขอย้ำแม้จะมีซอมบี้แต่ผมยกให้มันอยู่ในหนังแอ็คชัน
เรื่องที่ 6 Conspiracy (2008) ดับแค้นแดนทมิฬ
ประเภท ดราม่า 30% / แอ็คชัน 70% ดารานำก็คือดาราที่ไม่ดังแล้วในตอนนี้อย่าง Val Kilmer ที่มาพร้อมน้ำหนักตัวที่ฉุน่าดู หนังเป็นแอ็คชันเกรดบีที่เห็นได้ชัดถ้าใครหา Trailer ดูแต่เอาเข้าจริง ใน Trailer บอกเราไม่หมด และการที่บอกเราไม่หมดนี่แหละที่ทำให้ไอ้พลอตหนังเกรดบีเรื่องนี้ดูเพลินระดับหนึ่งที่ “ไม่ได้แย่” ซ้ำกลับดูได้ยันจบ ถ้าตัดเรื่อง งบของหนังออกไป เมื่อทหารอิรักกลับมาบ้านเกิดในอเมริกาแล้ว เพื่อนทหารชวนไปเยี่ยมบ้านของเขา เขาจึงตัดสินใจไปแต่พอไปถึงกลับพบว่าเพื่อนของเขาหายสาบสูญ ซ้ำร้ายเหตุการณ์ดังกล่าวยังทำให้เขาได้พอจะรู้สึก กลุ่มผู้มีอิทธิพลในเมืองแห่งนี้

แนะนำว่าให้เปิดดูกับพ่อของเราครับ คนแก่รุ่นพ่อเราชอบหนังแบบนี้
เรื่องที่ 7 Tremors (1990) ทูตนรกล้านปี
ประเภท สยองขวัญ 50% / ฮา 40% / แอ็คชัน 10% หนังสมัย Kevin Beacon ยังหนุ่มๆ ผมบรรจุไว้ในหนังเกรดบี เพราะว่ามันฉายซ้ำไปซ้ำมาในเคเบิลทีวีช่อง Cinemax และผมก็ดูทุกครั้ง หนอนยักษ์ที่จู่ๆ ก็โผล่มากินคน แล้วต้องมาเจอกลุ่มคนประหลาดๆ ที่อยู่ในเมืองนั้น ซึ่งก็ ไม่รู้จะสงสารคนหรือหนอนยักษ์ดีแต่เชื่อเถอะดูกี่ทีก็สนุก
ปล. ให้ดูแค่ 2 ภาคพอนะที่มันเริ่มเดินได้ ช่วงหลังๆ มีบินได้ ย้อนยุค อะไรก็ไม่รู้เลอะเทอะ
เรื่องที่ 8 CLOWN (2014) ตัวตลกโหด
ประเภท สยองขวัญ 60% / แหวะ 20% / ระทึก 20% หนังของผู้กำกับสุดโหดอย่าง Eli Roth (Hostel) กับเกรดบีจริงๆ ที่เน้นสยอง และโหดกับชายคนหนึ่งที่อยากจะเอาใจลูกแล้วดันไปเจอชุดตัวตลกก็เลยหยิบมาใส่ ปรากฏว่าถอดออกไม่ได้ จนกระทั่งภายหลังเค้ารู้สึกว่าชุดนี้มันกำลังกลืนกินตัวเองไปทีละนิดๆ
หนังสยองตามสไตลป๋า Roth ครับแหวะเล็กน้อย ระทึกพอดีแน่นอนว่าเหมาะกับดูก่อนนอนเพราะเป็นหนังสยองขวัญ และเราจะเห็นการต่อสู้กับระหว่างเมียและผัวในครอบตัวตลก ที่ดูแล้วก็หดหู่เล็กๆ ไร้ซึ่งความหวังแบบ Eli Roth นั่นแหละครับ
เรื่องที่ 9 The Prince (2014) คนอึดแค้นเกินพิกัด
ประเภท แอ็คชัน 100% ดาราที่โผล่มาเล่นนั้นเป็นดาราที่เคยดังครับพระเอกคือ Jason Patric เล่นเป็น Paul, Bruce Willis เป็นเจ้าพ่อตัวร้าย Omar ที่มีลูกสมุนคือ Mark ที่เล่นโดยซุปตาร์เกาหลีอย่าง Rain และยังมีเพื่อนพระเอกคือ Jogn Cusack เป็น Sam กับเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับ อดัตนักฆ่าอย่าง Paul ที่เคยไปสร้างไฟแค้นให้กับ Omar ต้องกลับมาสู่วงการอีกครั้ง ประเด็นตัวหนังมันคือเรื่องของพระเอกมาดลุง ที่วิ่งหาลูกสาวที่ติดยาแล้วไปอยู่ในเงื้อมมือของ Omar ก็เลยไปขอให้เพื่อนลูกสาวสุดเอ็กส์เดินทางไปเป็นเพื่อน เพื่อนลูกสาวก็อ่อยพ่อเพื่อนเหลือเกิน ส่วนความสนุกนั้นกลับทำเราดูได้เพลินๆ ครับ
คือเราไม่รู้เลยว่าพระเอกมันเป็นนักฆ่าเก่งระดับไหน โผล่เข้าวงการมาก็โดนอัดยับเลยแต่พอพี่แกเอาคืนนี่ กลายเป็น มนุษย์ลุงโคตรเท่ไปเลย แนะนำว่าพาพ่อนั่งดูบ่ายๆ สักวันที่ไม่มีธุระอะไรครับจะได้ความบันเทิงระดับหนึ่งเลยล่ะ
ปล. Rain และ John Cusack โผล่มาทำไมในเรื่อง?
เรื่องที่ 10 Undead (2003) แหวะชำแหละคน
ประเภท อธิบายไม่ออก เป็นทีเด็ดที่คุณจะพบกับลูกบ้าที่เราจะหาเจอได้ในเฉพาะหนังเกรดบี นั่นคือ หนังเกี่ยวกับซอมบี้ก็โผล่เข้ามาในบ้านนอกชายทุ่ง นางเอกกำลังไปประกวดเทพี เขวี้ยงเชือก ต้องสติแตกเมื่อซอมบี้โผล่มากินเพื่อนเธอและวิ่งหนีตายแล้วไปเจอกับ ลุงร่างหมีเคราดก ที่มาพร้อมกับลูกซองสามกระบอกดัดแปลงกับวิทยายุทธวิชาตัวเบาขั้นเทพ ที่ภายหลังจะพาคุณไปพบกับ ปลาซอมบี้ มนุษย์ต่างดาวที่เกี่ยวกับอะไรกับซอมบี้ และ ลุงร่างหมีกลายร่างเป็นมุนษย์หมาป่า
ทั้งหมดถูกรวมไว้ในลูกบ้าลูกเดียวในหนังเรื่อง Undead เรื่องนี้ แนะนำให้หาเวลานั่งดูชิลๆ เพราะมันเป็นหนังโคตรจะคัลท์เลยล่ะครับ
จบล่ะ 10 อันดับหนังเกรดบีที่ผมแนะนำให้คุณลองเสพดูเวลาที่ไม่มีทางเลือกครับ