Ashes of Time (1994) – เหตุผลของการท่องยุทธภพ

เนื้อหามีการเปิดเผยเนื้อเรื่องของภาพยนตร์, ภาพยนตร์ Ashes of Time หรือชื่อไทย “มังกรหยก ศึกอภิมหายุทธ” เป็นผลงานของ หว่อง กา ไว ที่ถูกยกย่องไปทั่วโลก และทุกสถาบันถือเป็นงานระดับพาสเตอร์พีชของเขาก็เป็นได้
ก่อนหน้านี้ภาพยนตร์เรื่องนี้เคยผ่านตามาแล้ว สมัยที่เรียนอยู่ มัธยมต้น ในใจก็คาดหวังว่าจะเป็นภาพยนตร์แอ็คชันกำลังภายในแบบที่ ฉี เคอะ เคยกำกับไว้อย่าง “เดช คำภีร์ เทวดา” แต่แล้วกลับไม่เป็นอย่างที่คิด พาลดูจบแล้วก็งงๆ ว่ามันเรื่องอะไรวะ มีแต่คนคุยกัน สู้กันนิดเดียว ตัดสลับเป็นตอนสั้นๆ อีกต่างหาก จนกระทั่ง 20 ปีผ่านไป พบเจอภาพยนตร์เรื่องนี้ในกระบะลดราคาและเห็นว่าเป็นผลงานของหว่องกาไว ที่ชอบงานอย่าง “In the Mood for Love” และ “2046” ก็เลยหยิบมาลำลึกดู กะว่ามันจะเป็นการเก็บลายละเอียดอะไรก็ได้ สิ่งที่ได้จากการดู Ashes of Time ในช่วงเวลา 20ปีให้หลัง ภาพยนตร์เรื่องนี้คือภาพยนตร์ที่ ยอดเยี่ยมมากๆ อาจจะเพราะวิธีการเล่าเรื่อง ปมของตัวละคร และอารมณ์ความรู้สึกที่แต่ละคนในเรื่องมี ประกอบกับ ชีวิต ของเราเองที่ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มากมายมาหลายเรื่องราว ทำให้เข้าใจในความหมายของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ชัดเจนมากขึ้น
แม้ว่า Ashes of Time นั้นจะมีการเล่าเรื่องอ้างอิงเหล่า Hero หรือวีรบุรุศผู้กล้าจาก มังกรหยก หรือ (Eagle Warriors) ก็จริงแต่ หว่งกาไว เลือกที่ไม่หยิบทุกสิ่งจากมังกรหยกมาเล่า แต่เค้าเลือกที่จะเปลี่ยนมันเกือบทั้งหมดและละไว้เพียงแค่ตัวละครเด่นๆ เท่านั้น ดังนั้นภาพยนตร์เรื่อง Ashes of Time นั้นจึงไม่ใช่ มังกรหยก อย่างที่เรารู็จัก
โดย Ashes of Time นั้นเลือกที่จะตัดตัวละครเอกอย่าง ก๊วยเจ๋ง ออกไป และดำเนินเรื่องผ่านมุมมองของตัวร้ายขึ้นชื่ออย่าง อ้าวเอี๊ยฮง หรือฉายาพิษประจิม (ชายที่สุดท้ายเสียสติ แล้วก็เป็นตาแก่เพี้ยนๆ สอนวิชาให้เอี๊ยะก๊วยในมังกรหยกภาค 2 นั่นแหละครับ) โดยใช้ดาราชื่อดังอย่าง เลสลี่ จาง ที่ตอนนี้เค้าคงไม่รู้หรอกว่าการแสดงของเขาในเรื่องนี้ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ โดยภาพยนตร์จะตัดดำเนินไปเป็นตอนๆ
ตอนที่หนึ่ง “มู่หย่งเยี่ยน”
เรื่องราวนั้นดำเนินที่ ทะเลทรายอ้างว้างแห่งหนึ่งโดยมี อ้าวเอี๊ยฮง เปิดธุรกิจรับจ้างฆ่าคน (เหมือนหัวคิวมือปืนรับจ้าง) นั่งชมเดือนชมตะวันไปเรื่อยๆ ในทุกๆ ปีจะมีอยู่เดือนหนึ่งที่มีชายสง่างามขี่ม้าจากในเมืองเข้ามาเล่าสารทุกข์สุขดิบ และเอาข่าวจากในเมืองมาเล่าให้ฟัง ชายคนนั้นคือ อึ้งเอี๊ยซือ (เหลียงเจียฮุย) หรือ มารบูรพาเจ้าแห่งเกาะดอกท้อ (พ่อของอึ้งย้ง) โดยทุกครั้งที่มาจะมีเหล้ามาหนึ่งไห เหล่านั้นมีชื่อว่า “เมามายหรรษา” ถ้าดื่มแล้วเมาจะจำอะไรไม่ได้ลืมเรื่องราวต่างๆ ได้หมด แต่อ้าวเอี๊ยะฮงมักจะไม่ดื่มพร้อมทั้งให้เหตุผลที่ว่า “เหล้ายิ่งดื่มก็ยิ่งร้อน แต่น้ำยิ่งดื่มก็ยิ่งเย็น” (ประโยคเป็นการอุปมาอุปมัย ให้เห็นว่าการดื่มเหล้าไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่เป็นการหนีปัญหา) ซึ่งแน่นอนว่า อึ้งเอี๊ยะซือต้องมีปัญหามาแน่ๆ
เมื่ออ้าวเอี๊ยฮงปฏิเสธที่จะดื่มเหล้าเมามายหรรษา อึ้งเอี๊ยะซือจึงต้องมานั่งที่โรงเตี้ยมแห่งหนึ่งคนเดียว และได้พูดคุยกับจอมยุทธนิรนามผู้หนึ่ง ที่ตาใกล้จะบอด แสดงโดยเหลียงเฉาเหว่ย ประโยคที่ทิ้งไว้คือ “เราเคยพบกันหรือไม่” จอมยุทธ์นรนามได้ตอบกลับว่า “ก่อนนี้เราเคยเป็นสหายกัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ข้าสัญญาว่าถ้าเจอเจ้าผู้ฆ่าจะฆ่าเจ้า แต่เพราะตอนนี้ตาของข้ากำลังจะบอดข้าจึงเปลี่ยนใจ” แล้วก็เดินจากไป
อึ้งเอี๊ยซือได้พบ หญิงสาวนาม มู่หยงเยี่ยน (หลินชิงเสีย จากเดชคำภีร์ เทวดา) เกิดการต่อสู้กัน และอึ้งเอี๊ยซือได้ปกป้องนาง อีกทั้งความเมาจากเหล้าเมามายหรรษาทำให้ไปตกปากรับคำจะแต่งงานกับ มู่หยงเยี่ยน แต่พอรุ่งสางก็จากไปทำให้เพราะฤทธิ์ของเหล้าเมามายหรรษา ซ้ำยังผิดนัดที่จะแต่งงานกันที่สัญญาในคืนก่อน มู่หยงเยี่ยนโกธรมากจึงเดินทางไปวานให้ อ้าวเอี๊ยฮง ไปฆ่าอึ้งเอี๊ยะซือ แต่ระหว่างทีมีการเจรจาว่าจ้าง มู่หยงเยี่ยน กลับต้องเจอกับภาวะจิตใต้สำนึกของตนเอง ที่ออกมาขัดแย้งและต่อสู้กัน เป็นฉากที่สะท้อนถึงภาวะของโรคป่วยทางจิต หรือบุคคลิกซ้ำซ้อนในตัวมู่หยงเยี่ยนได้ดี เพราะในภาคหนึ่งของนางคือชาย และอีกภาคหนึ่งของนางคือหญิง เปรียบเปรยกับ ภาวะของสำนึกในความสงบ และการไร้สำนึกในเชิงความรุนแรงอย่างโมโห จนสุดท้ายอ้าวเอี๊ยฮงก็ได้สอนถึงสัจจธรรมแก่นาง จนนางได้หายไป ภายหลังไม่นานก็ได้เกิดผู้กล้าที่ฝึกวิชาจากเงาของตนนามว่า “ต๊กโกวอ้าวป้าย” ซึ่งก็คือมู่หยงเยี่ยนนั่นเอง
ตอนที่สอง “จอมยุทธ์นิรนาม”
ในวันหนึ่งได้มีหญิงสาวชาวบ้าน พร้อมลา และไข่ไก่ มาว่าจ้างให้อ้าวเอี๊ยฮง ฆ่าโจรขโมยม้า เพราะนางเสียน้องชายของนางไป อ้างเอี๊ยงฮงไม่รับ เพราะค่าจ้างเพียงแค่ไข่ไก่ และลานั้นไม่คุ้มค่า จึงบอกนาว่าถ้ายอมขายตัวจะรับงานให้ นางปฏิเสธ และยอมที่จะยืนตากลมตากตะวันจนกว่าจะมีคนฆ่าน้องชาย
ขณะนั้นจอมยุทธนิรนามก็ได้เข้ามาขอให้อ้าวเอี๊ยงฮงหางานฆ่าคนให้ เพราะการท่องยุทธภพเป็นเวลานานนั้นทำให้เงินร่อยหลอลง อ้าวเอี๊ยะฮงให้งานไปงานหนึ่งใช้เวลาไม่นาน กระบี่ของจอมยุทธ์นิรนามก็ปลิดชีพคู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว จอมยุทธนิรนามก็เลยมาทำงานกับอ้าวเอี็ยะฮงระยะหนึ่ง พอถามถึงเหตุผลที่ทำงาน จอมยุทธ์ก็บอกว่าต้องการกลับบ้านอยากจะไปดู ดอกท้อ ที่บ้านก่อนที่ตาจะบอดสนิท เพราะว่าอาการตาบอดในตอนนี้ไม่สามารถมองเห็นได้ในยามกลางคืน และแสงไฟ อึ้งเอี๊ยซือรู้ว่า แสงอาทิตย์เท่านั้นที่จะทำให้เขามองเห็น
จอมยุทธ์นิรนาม ได้รับงานในการจัดการโจรขโมยม้า นั่งรอ 4 วัน 3 คืน จึงคืนหนึ่งเลยมาจิบเหล้ากับ อ้าวเอี้ยะฮง และเล่าถึงภรรยา หรือ สาวเลี้ยงม้า (ในภาพยนตร์เป็น ผู้หญิงที่เลี้ยงม้าเมียตัวจริงของเหลียงเฉาเหว่ย) และเปรยเป็นนัยว่า โชคของตัวเขาขอให้ท้องฟ้าแจ่มใสในวันพรุ่งนี้ พร้อมทั้งหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งมอบให้แก่อ้าวเอี๊ยะฮง พร้อมบอกว่าถ้าหากว่าตัวเขาตายช่วยเอาผ้าผืนนี้ไปบอกข่วแก่ภรรยาของเขาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที
เมื่อโจรขโมยม้ามาถึง จอมยุทธิ์นิรนามได้เดินไปที่สาวชาวบ้าน ใช้กำลังจูบนาง แต่นางขัดขืน (ประเด็นของการสำนึกผิดต่อ และการทดแทน ในเชิงจิตวิทยา) การต่อสู้กับเหล่าโจรขโมยม้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่แล้วท้องฟ้าก็มืดครึ้ม และวันสุดท้ายของจอมยุทธนิรนามก็มาถึง ก่อนที่จะเสียเขาจะชีวิตได้ทิ้งคำคมไว้
“เคยมีคนบอกไว้ว่า กระบี่ที่คมมากเมื่อจรดลงมอบรอยแผลเสียงของเลือดจะคล้ายกับเสียงลม ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่นึกว่าเห็นครั้งแรกที่ได้ยินจะเป็นเสียงเลือดของตัวข้าเอง”
สุดท้ายจอมยุทธนิรนามก็ไม่สามารถกลับไปดูดอกท้อที่บ้านของเขาได้
ตอนที่สาม “อั้งชิก”
วันหนึ่งอ้าวเอี๊ยฮงได้มีคนมาของาน เป็นจอมยุทธ์แต่งตัวมอซอเหมือนยาจก ไร้ซึ่งรองเท้า ฉายานักฆ่าเท้าเปล่า นามว่า อั๊งชิก รับบทโดย จางเซี๊ยะโหย่ว เป็นยอดฝีมือที่รวดเร็ว มาขอข้าวกิน อ้าวเอี๊ยะฮงได้พา อั๊งชิกไปซื้อรองเท้า พร้อมกับ ปรัชญาในเรื่องของ นักฆ่าที่มีรองเท้ากับไม่มีรองเท้า (เปรียบเปรยความเป็น Professional) พร้อมทั้งพา อั๊งชิกไปดูศพของจอมยุทธ์นิรนาม พร้อมทั้งเล่าเรื่อง ศพพูดได้ เพราะศพสามารถเล่าเรื่องราวได้หมด อยแผลที่ปลิดชีพบริเวญลำคอของศพซึ่งมีเพียงดาบเดียว ลักษณะฟันจากขวาไปซ้ายแสดงว่า ผู้ที่ถือดาบมือต้องถือด้วยมือซ้ายเป็นผู้ที่ปลิดชีพจอมยุทธ์นิรนามได้ในดาบเดียว ดังนั้นถ้า อั้งชิกสามารถจัดฆ่าคนผู้นี้ได้ นั่นก็สามารถจัดการกับกลุ่มโจรได้ทั้งหมด
กลับมายังที่พัก ไอ้พบกับสตรี อีกนาง อั๊งชิกไล่นางกลับไป อ้าวเอี๊ยะฮง ถามว่านางเป็นใคร นางคนนั้นคือ ภรรยาของอั๊งชิก ประโยคเด็กที่พบคืออ้าวเอี๊ยะฮงถามอั๊งชิกว่า “ยุทธภพมีกฏข้อไหนวะ ว่าถ้าออกท่องยุทธภพแล้ว เอาเมียไปด้วยไม่ได้” แม้จะไม่ได้คำตอบใดๆ ตลอดหลายวันก็ยังเห็นนางยืนเฝ้าอั๊งชิกทุกเวลา
ในเวลาต่อมาอั๊งชิกรับปากแก่ สาวชาวบ้านที่มีค่าจ้างเป็นไข่ไก่กับลาว่าจะไปล่าโจรขโมยม้า เกิดการต่อสู้ขึ้น แม้ว่าอั๊งชิกจะปลิดชีพยอดฝีมือมือซ้ายโจรขโมยม้าก็ตามแต่เขาก็ต้องสูญเสียมิ้วมือไป 1 นิ้ว แน่นอนว่า เพลงดาบของอั๊งชิกไม่ไวเหมือนก่อนแล้ว อ้าวเอี๊ยะฮงบอกให้สาวชาวบ้านพลีกายเป็นการตอบแทนอั๊กชิก ยางยินดี แต่อั๊งชิกบอกให้นางหยุด และให้เก็บความสาวไว้แก่คนที่คู่ครวญ นางขอบคุณและจากไป อ้าวเอี๊ยะฮงต่อว่า ถึงความโง่เง่าที่มีเอาชีวิตไปแลกเพื่อไข่ไก่ อั๊งชิก เห็นสรรจธรรมขึ้น
“ตั้งแต่ข้ามาอยู่กับเจ้า ข้าก็รู้ว่าข้าเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า ข้าไม่เหมือนเจ้าเพราะอ้าวเอี้ยงฮงจะไม่มีวันยอมเสี่ยงเพื่อไข่เพียงตระกร้าเดียว” พร้อมทั้งชี้ไปที่เนินทราย แล้วตั้งคำถามว่า “หลังเนินทราบลูกนั้นคืออะไร ข้าอยากรู้จริง” อ้าวเอี๊ยะฮงก็ตอบไปว่า “มันก็คือเนินทรายลูกต่อไปไงล่ะ” อั๊งชิกบอกว่า “ต้องไปดูด้วยตาตัวเอง” นั่นคือสัญญาณที่อ้าวเอี๊ยฮงรู้ว่า อั๊กชิกต้องการจากไปจากสำนึกรับจ้างฆ่าคน
อั๊งชิกเลือกที่จะพาภรรยาของจนเดินทางท่องยุทธภพ และภายหลังได้เป็นประมุขพรรคยาจก ฉายา ยาจกอุดร หรือ ยาจก 9 นิ้ว ได้เคยปะทะฝีมือกับอ้าวเอี๊ยะฮงในเวลาต่อมา แต่ไม่รู้แพ้รู้ชนะกัน
ตอนที่สี่ “ดอกท้อ”
อ้าวเอี๊ยะฮง ได้เดินทางจากทะเลทรายช่วงนึง เพื่อนำข่าวการตายของจอมยุทธนิรนาม มาบอกแก่ภรรยาของเขา และเมื่อเขาได้พบกับสาวเลี้ยงม้า อ้าวเอี๊ยฮงได้รู้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีดอกท้อเลย ดอกท้อที่พูดถึงคือสาวเลี้ยงม้าภรรยาของจอมยุทธนิรนาม ระหว่างการเดินทางกลับอ้าวเอี๊ยฮงมักจะคิดถึงคนรักเก่านั่นคือ อาซ้อ (พี่สะใภ้ของตน) ทั้งคู่สัญญาที่จะหนีด้วยกัน แต่นางไม่หนี และต้องการเอาชนะอ้าวเอี๊ยฮงให้มาบอกรักและชิงตัวนางไปจากงานแต่งของพี่ชายของอ้าวเอี๊ยฮง แต่ในความเป็นอ้าวเอี๊ยฮงไม่สามารถทำได้ จึงออกมาเปิดสำนักฆ่าคน
ระหว่างนั้น อาซ้อ ของเขาก็ได้แต่รำพึงรำพันถึงชายที่รักแก่พี่ชายของ หรือผู้เป็นสามี นั่นคือ อึ๊งเอี๊ยะซือ(!!) จนกระทั่งนางตรอมใจตายในที่สุดผ่านประโยค “เป็นเพราะอยากเอาชนะ ในวันแต่งงานของข้า เขาชวนข้าให้หนีไปด้วยกัน แต่ข้าไม่หนี ข้าต้องการฟังคำนั้นจากปากของเขา คำ คำนั้น ไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะ คน คนนั้น จากไปแล้ว จะมีประโยชน์อะไรเล่า ถ้าเราจะเอาชนะในเกมของความรัก และมันก็จะทิ้งไว้ให้แต่แผลแห่งความเจ็บปวดจนชั่วชีวิต“
พออ้าวเอี๊ยะฮงได้ทราบการตายของอาซ้อก็ได้ออกเดินทางเผาสำนึกรับจ้างฆ่าคน ทิ้งไว้เพียงเถ้าธุลีของความหลัง และได้รู้ว่าแท้จริงแล้วทุกสิ่งที่ผ่านมาคือ ความว่างเปล่า ก่อนจะกลายเป็น จอมยุทธ์นามพิษปัจฉิม ในเวลาต่อมา
ส่วนอึ้งเอี๊ยะซือ นั้นหลังจากเสียภรรยาหรือ อาซ้อ ไปก็ได้เมาเสียคน จนวันหนึ่งตื่นขึ้นมาบนเกาะแห่งหนึ่ง ที่มีดอกท้อบานจึงตั้งชื่อตามผู้หญิงที่ตนรักว่า เกาะดอกท้อ และฝึกวิชาจนเป็น มารบูรพาเจ้าเกาะดอกท้อ
สรุป
- ดอกท้อ ที่จอมยุทธ์นิรนามพูดถึงคือสตรี หรือสาวเลี้ยงม้าภรรยาของเขาที่แอบหลงรักอึ๊งเอี๊ยะซือ ทำให้จอมยุทธ์นิรนามต้องออกเดินทางท่องยุทธภพ
- อ้าวเอี๊ยะฮง หนีความจริงที่สาวที่ตนรักหรืออาซ้อต้องแต่งงาน แต่ก็ไม่อยากผิดใจกับพี่ชายคืออึ๊งเอี๊ยะซือ จึงหนีออกมาท่องยุทธภพเช่นกัน
- มู่ย่งเยี่ยน มีบุคคลิกที่ขัดแย้ง เกลียดจิตนำสึกตัวเอง จึงปลีกวิเวกฝึกวิชาคนเดียวจนเป็นยอดฝีมือ
- อั๊งชิก เป็นคนเดียวที่ไม่เสียใจ และเจ็บปวดในเรื่องนี้เพราะมีภรรยาอยู่ด้วย ดังนั้นการท่องยุทธภพของเขาจึงเต็มไปด้วยความหวัง
- เหล้าเมามายหรรษาเป็นเหล้าที่ตั้งขึ้นเล่นๆ ระหว่างอ้าวเอี๊ยะฮง กับ อาซ้อ นั่นแปลว่าไม่ได้มีฤทธิ์อะไร แปลว่าตอนที่ อึ้งเอี๊ยะซือเมาแล้วเนียนรับปากแต่งงานกับมู่หยงเยี่ยนนี่มันเนียนนี่หว่า
คำว่ารัก มันพูดยากนะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นก็เกิดจากการที่แต่ละตัวละครไม่พูดคำว่า รัก ออกไป ถ้าลองไล่กลับไปทุกเหตุการณ์จะจบลงถ้า คนใดคนหนึ่งพูดคำว่า “รัก” ซะ
คะแนน 9/10
่โหลดได้ป่ะนิ
ลองหาผ่อในยูทูป ไม่รู้มีก่อ
ได้แล้ว
http://www.donung.net/%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%81%20%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%8C%20Ashes%20of%20time-1614.html
เท่าที่จับใจความ ดูจากฉบับ Redux
อึ้งเอี๊ยะซือ ไม่ใช่พี่ชายของอาวเอี๊ยงฮง แต่เดินทางมาหาอาวเอี๊ยงฮงทุกปี เพื่อดูสารทุกข์สุขดิบของอาวเอี๊ยงฮง เพื่อนำความไปบอกพี่สะใภ้(จางมั่นอวี้)เป็นประจำทุกปี โดยอึ้งเอี๊ยะซือ แอบหลงรักพี่สะใภ้ของอาวเอี๊ยงฮงด้วยเช่นกัน
พอพี่สะใภ้ตาย อึ้งเอี๊ยะซือถึงไม่เคยกลับมาหาอาวเอี๊ยงฮงอีกเลย ในตอนสุดท้าย อาวเอี๊ยงฮงรออึ้งเอี๊ยะซืออยู่หลายวัน จนสุดท้ายฮีก็ไม่มา