เมื่อตำนานนิยายสุดสยองเรื่องผีปิศาจของ Stephen King อย่าง The Shining ถูกเจ้าพ่อภาพยนตร์เชิงปรัชญาอย่าง Stanley Kubrick มาตีความใหม่เรื่องจะเป็นยังไง
เมื่อตำนานนิยายสุดสยองเรื่องผีปิศาจของ Stephen King อย่าง The Shining ถูกเจ้าพ่อภาพยนตร์เชิงปรัชญาอย่าง Stanley Kubrick มาตีความใหม่เรื่องจะเป็นยังไง
ภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ตลอดกาลซึ่งผมขอบอกว่า หากใครที่ดูแล้วเข้าใจในรอบแรกคุณคือ “ผู้บรรลุพระธรรมฯขั้นสูง” นั่นคือ 2001: A Space Odyssey ของ Stanley Kubrick ครับ
ต้นฉบับของ The Day the Earth Stood Still เป็นภาพยนตร์ ขาว-ดำ ที่สะท้อนแนวคิดเชิง Sci Fi ยึดโลกในช่วงแรกๆ ที่มาพร้อมกับไอเดียบรรเจิดที่เป็นเอกลักษณ์สุดๆ
ภาพยนตร์ The Game เป็นผลงานของผู้กำกับจอมซีเรียสอย่าง David Fincher ที่หยิบยกชั้นเชิงการซ้อนแผน ไขปริศนาของเกมประหลาดที่เล่นเอาชีวิตผู้เล่นเป็นตัวกำหนด
ภาพยนตร์ The Godfather ถือเป็นอีกผลงานระดับคลาสสิค Francis Ford Coppola ที่จะพาเราได้ซึมซับเรื่องราวของมาเฟีย หรือผู้ทรงอิทธิพลผ่านการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม
ภาพยนตร์เรื่อง Suspiria หรือดวงอาถรรพ์ ถือว่าเป็นภาพยนตร์สยองขวัญยุคบุกเบิกนับว่าเป็นผลงานระดับขึ้นหิ้งของ Dario Argento ซึ่งเต็มไปด้วยความสยองยะเยือกที่สุด
ภาพยนตร์จากฝรั่งเศสอย่าง WHITE EPILEPSY ผลงานแนว Sombre จากผู้กำกับ Philippe Grandrieux พร้อมความหมายเชิงสัญลักษณ์ของร่างกายมนุษย์กับการตีความบิดเบี้ยว
ผลงานกำกับภาพยนตร์ของ Steve McQueen อย่างเรื่อง Shame เป็นภาพยนตร์ที่ตีแผ่เรื่องของความปรารถนาทางเพศ หรือ Sex ได้อย่างชัดเจน และเล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมา
มันเป็นเรื่องยากถึงมากที่สุดที่จะเข้าใจความหมายของสิ่งที่ Stanley Kubrick แทรกไว้ในภาพยนตร์ของเขาเช่นกันอย่าง Clockwork Orange ที่ตีแผ่ “เสรีภาพ” ของมนุษย์
ภาพยนตร์สัญชาติ Norway อย่าง The Head Hunters สร้างขึ้นจากนวนิยายของ Jo Nesbo ว่าด้วยเรื่องของนายหน้าจัดหาคนให้องค์กร ที่มีงานอดืเรกในยามว่างคือปล้นงานศิลป์