
ในขนบของภาพยนตร์เกรดบีจำพวกสัตว์ประหลาดบุกเมืองกินคน หรือสัตว์โลกกลายพันธ์จำพวก B Monster Movies นั้นถ้าเราเป็นแฟนพันธ์แท้หนังพวกนี้เราจะสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ในหนังส่วนมากหนังสัตว์ประหลาดเกรดบี ของ Roger Corman (เจ้าพ่อหนังเกรดบี), Ray Harryhausen (เจ้าพ่อหนัง Stop Motion ที่เรียกการถ่ายทำของตัวเองว่า Dynamation) แล้วก็จะเป็นพวกหนังลงแผ่น ที่เราพบเจอสมัยที่ร้านเช่าวีดีโอ หรือ DVD ยังคงได้รับความนิยมอยู่ แค่หน้าปกมีตัวประหลาด มีสัตว์กลายพันธ์ออกมาขย้ำคน แล้วหนังดีๆ เกรด A ในสัปดาห์นั้นก็ไม่มีให้หยิบไปดู ก็ต้องกลายเป็นเจ้าพวกเกรด B นี่แหละครับที่เราจะหิ้วไปดูแก้เซ็ง ส่วนตัวแล้วผมเองก็เป็นคนที่ดูหนังทุกประเภท และหนังประเภทหนึ่งที่อยากจะพูดในวันนี้คือพวก หนังสัตว์ประหลาดเช่น จระเข้ยักษ์ ลิงยักษ์ มดยักษ์ ค้างคาวยักษ์ มนุษย์ต่างดาวเพี้ยนๆ ที่ออกไล่ฆ่าคน ซึ่งถ้าหากว่า ถ้ามีโอกาสได้ทำหนังพวกนี้ ให้หยิบขนบที่ปรากฏบนหนังเหล่านี้ไปอ้างอิงคุณจะทำหนังเกรดบีสบายๆ เรื่องหนึ่งได้แน่นอน
สิ่งที่คุณต้องพบแน่ๆ ในหนังสัตว์ประหลาดเกรดบี
ตัวเอกใครสักคนต้องเป็นนายอำเภอ (Sheriff)
ถ้ามีสื่อทำหนังเมืองนอกมาสัมภาษณ์ผมผมจะพูดเท่ๆ เกี่ยวกับการสร้างหนังเกรดบีไปเลยว่า
“B-Movie Starter, Just Add Sheriff”
ซึ่งอาจจะมีฝรั่งหลายคนพูดประโยคนี้เหมือนผมแน่ๆ ก็เลยไม่แน่ใจว่าประโยคนี้ใครเป็นออริจินัลกันแน่ เพราะเท่าที่สังเกตมาแล้ว ตัวเอกจะต้องเป็นนายอำเภอ ไม่คนใดคนหนึ่ง เช่น พระเอกนายอำเภอ Emmett Kimsey (Lou Diamond Phillips)ใน Bats (1999)

ที่เป็นเรื่องราวที่นายอำเภอคนเก่งต้องจับมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านสัตววิทยาพันธ์ค้างคาว (ก็ว่าไป) หรือนายอำเภอสาว(ใหญ่)เก่งๆ อย่าง SnakeHead Swamp (2014)


ที่ต้องพาสามีผู้เชี่ยวชาญพันธ์ปลาดุกยักษ์มาจัดการปลาดุกยักษ์กลายพันธ์จากเอเซียที่มาอาละวาดในรัฐหลุยส์เซียน่า ไม่ก็หมีกิสลีย์ยักษ์ใน Into the Grizzly Maze (2015) ที่ตัวเอกพี่น้องทั้ง 2 คนต้องไปช่วยแฟนตัวเองที่หนึ่งในนั้นเป็นผู้ชำนาญระบบนิเวศ และ พี่น้องชายหนุ่มนี้คนพี่เป็น นายอำเภอ (Thomas Jane)


จะว่าไป นายอำเภอหรือ Sheriff ในต่างแดนเค้า Uniform และอำนาจในการดูแลเมืองเค้าก็โอเคเลยล่ะครับ

ถ้าเป็นนายอำเภอไทยๆ แล้วมาอยู่บนปกหนัง DVD ก็คงเป็นแบบนี้

เพิ่มเติมถ้า เป็นหนังเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดในน้ำบางเรื่องเปลี่ยนจาก นายอำเภอเป็น ตำรววจน้ำ ไม่ก็ทหาร
สัตว์กลายพันธ์
แน่นอนว่า ขนบของหนังเกรดบีที่ทำเงินได้ดีจากการหยิบไปดูที่บ้านยามว่างฆ่าเวลาส่วนมากไม่ใช่หนังผี แต่เป็นหนังสัตว์ประหลาด ทีนี้สัตว์ประหลาดมันก็จะแบ่งออกเป็น หลายประเภทคือ
- สัตว์ธรรมดาที่ขนาดใหญ่กว่าปกติ เช่น จระเข้โหดๆ ใน Blood Surf (2000), Lake Pracid ภาคหลังๆ (2002-2010) ปลาฉลามหลากพันธ์ที่มาปาร์ตี้กันใน Shark Night 3D (2011) ที่มักจะมาจากเหตุผลประหลาดเช่น มีคนเลี้ยงให้มันโต ไม่ก็โดนไล่ที่จากเขตที่มันอยู่มาปรับตัว เป็นต้น
- สัตว์ที่กลายพันธ์จากการทดลอง เจอบ่อย และมักจะมาพร้อมกับขนาดที่มหึมา และ CG ที่ไม่ค่อยเนียน เช่น Sharknado (2013) ฉลามที่มาพร้อมกับพายุทอร์นาโด Sharktopus (2010) ที่จับฉลามมาผสมกับปลาหมึกยักษ์ สัตว์บกก็จะมี Eight Legged Freaks (2002) ที่หนุ่มในเมือง (David Arquette) กลับมาเยี่ยมบ้านเกิด และมาเจอนายอำเภอสาวแฟนเก่า แล้วต้องมาพบกับแมงมุมยักษ์กลายพันธ์ที่ไปกินสารอะไรบางอย่างในห้องทดลองแล้วขยายร่างมาไล่ฆ่าชาวบ้าน
Sharktopus Eight Legged Freaks - เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่หลับมานานแล้วตื่นมาฆ่าคน ไม่ก็ หลุดมิติมาจัดการ Ragnarok (2013) สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่หลุ่มนักสำรวจ (เออ เปลี่ยนมุขหน่อย) มาพบเจอมันเข้า, Piranha 3D (2010) ที่หลับในซอกหลืบแล้วมีคนไปปลุกมัน, Deep Rising (1998) เมื่อหนอนทะเลลึก 20,000 กว่าโยชน์ขึ้นมาไล่กินคนในเรือสำราญ และ DeepStar Six (1989) หนังที่ว่าด้วยปลาประหลาดใต้ทะเลที่โผล่มากินคนทั้งที่มันโผล่จริง 10 นาทีสุดท้ายกับโปสเตอร์แสนคลาสสิค
Ragnarok (2013) Deep Rising DeepStar Six (1989) - พวกมนุษย์ที่ถูกทดลอง เช่น Sssssss (1973) หนังเกรดบีคลาสสิคที่ว่าด้วย การทดลองให้คนธรรมดากลายพันธ์ไปเป็นงูที่ผมเคยดูสมัยเด็กๆ และซีรีย์พวก Man ทั้งหลายเช่น Snake Man, Mosquito Man และ Hammer Shark Man ที่สิงสถิตอยู่ตามกระบะลดราคา 29 บาท ถ้ามีภาษีหน่อยก็ The Relic (1997) มีดาราอย่าง Tom Sizemore มาเล่นเลยนะ
Sssssss (1973) Sharkman (Hammerhead Shark Frenzy) Mosquito Man (2005) Sankeman (2005)
ผู้ชำนาญด้านสัตว์
โอโห ขาดไม่ได้เลย… ส่วนใหญ่เป็นตัวรองของหนังเกรดบีพวกนี้ ประมาณ นางเอก ไม่ก็พระเอกก็เด่นน้อยกว่า นายอำเภอ มักจะมีความเชียวชาญเช่น ถ้าเรื่องไหนเป็นค้างคาวก็จะมี ผู้เชี่ยวชาญด้านค้างคาว โผล่ไปในเรื่อง ถ้ามีเรื่องของหนอนยักษ์อย่าง Tremor ก็ใส่นักธรณีวิทยาที่ภายหนังก็จะรู้ระบบนิเวศของหนอน ที่ไม่รู้ว่าโผล่ไปทำอะไรในหนังแค่ให้มีบทนี้เข้ามา ไม่งั้นตัวเอกจะหาวิธีรับมือไม่ได้ ถ้าสัตว์ประหลาดเป็น กบยักษ์ก็คงจะมีนักศึกษาพันธ์กบไปช่วยเหลือ


ถ้าผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่ตัวรองเพราะมีบทนางเอก พระเอกที่มีอาชีพอื่นอยู่แล้วให้ใส่เป็น ศาสตรจารย์เพี้ยนๆ หรือ นักวิทยาศาสตร์เพี้ยนๆ ซึ่งถ้าเป็น ศาสตรจารย์แก่ๆ มักจะมีโอกาส อยู่ หรือตายในเรื่อง 60/40 ถ้าตลกมาแต่แรกก็ไม่ต้องให้ตายให้เขียนบทว่าเกือบตายแล้วให้ออกมาช่วยเซอร์ไพรส์ตอนจบ ถ้าไม่ตลกเป็นวัยรุ่น หรือ เป็นตัวร้ายก็ให้เลือกหน้าตาที่ดีกว่าตัวเอก เพื่อดึงดูดคนดูแล้วรีบๆ ให้สัตว์ขย้ำซะจะได้ไม่ต้องเปลืองค่าตัวนักแสดงที่หน้าตาดี
เพิ่มเติม หากไม่รู้ว่าจะยัดตัวละครผู้ชำนาญด้านสัตว์นี้ลงไปยังไงในหนัง ให้คนเขียนบทใส่รายละเอียดไปว่าเป็นแฟนเก่าของ ตัวเอก ไปเลย จะได้ไม่ต้องเล่าขยายความเป็นมาให้ยุ่งยาก
วัยรุ่นที่มักไปอยู่ในที่ไม่ควรอยู่ และหนึ่งในนั้นต้องเป็นลูกของตัวเอก และต้องมีสาวนมใหญ่?
ลูกสาว ลูกชาย หรือพี่น้องของตัวเอกที่เป็นนายอำเภอ ที่ต้องเป็นวัยรุ่น มีปัญหาทะเลาะกัน เช่นพ่อหรือแม่ที่เป็นนายอำเภอต้องแยกทางกันเพราะหน้าที่การงานกับ พ่อหรือแม่อีกคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ทำให้มีปม ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่กับตัวเอกชายหรือหญิงก็ได้ที่เป็นนายอำเภอ (ก็ไม่เข้าใจนะครับเพราะไปอยู่กับผู้ปกครองที่เปนผู้เชี่ยวชาญเงินดีกว่าเยอะเห็นๆ แต่ก็ไม่ไปอยู่) ซึ่งพอไม่คุยกันก็จะมีเพื่อนที่เป็นวัยรุ่น และช่วงแตกเนื้อหนุ่มจะหาเรื่องไม่ฟังพ่อแม่ และวันที่สัตว์จะอาละวาด หรือ 20 นาทีที่ต้องปูพื้นเรื่อง เพื่อนของวัยรุ่นพวกนี้และสาวเซ็กซี่ต้องมาชวนไปทำอะไรห่ามๆ เช่นตั้งแคมป์ ล่องเรือ เดินป่า ไปเที่ยวในที่ๆ ที่ติดต่อลำบาก และมักจะเป็นรังของสัตว์ประหลาดพวกนี้

แต่หากสังเกตให้ดี คุณจะรู้ว่า ขนบที่ต้องมีวัยรุ่นพวกนี้คือ แก่นของการเริ่มเรื่องเลย เพราะถ้าลูกไม่ไปติดในสถานการณ์เลวร้ายตัวเองก็จะไม่หยิบปืนไปฮึดสู้กับพวกสัตว์ประหลาด


บทของวัยรุ่นพวกนี้ง่ายมากครับ ให้สาวเซ็กซี่ที่สุด โดยขย้ำตายก่อน แล้วรองลงมาคือพวกพูดมากๆ เหลือ คนที่ดูบ้าพลังซึ่งมักจะไม่ชอบกับลูกของตัวเอก และสาวใสๆ ให้วิ่งหนีตายกันไป การวิ่งหนีสัตว์ประหลาดในเรื่องไม่ต้องคุยอะไร ชี้ว่ารังของสัตว์ประหลาดอยู่ตรงไหน พวกวัยรุ่นพวกนี้จะวิ่งเข้าไปที่รังของมันเองครับ และพอพ่อแม่ไปช่วยได้ก็อย่าลืมฉากจบคือ เปิดใจกับครอบครัว ก็จบสมบูรณ์แบบ
ตัวตลกพูดมาก
สีสันของหนังประเภทนี้คือพวกตัวตลกที่ทำให้สถานการณ์แย่ๆ อยู่ให้แย่ลงไปอีกเช่น กำลังจะต้องนิ่งหลบสัตว์ประหลาดต้องเผลอเดินไปเหยียบกิ่งไม้ ไม่ก็จาม ไม่ก็รับโทรศัพท์ ไม่ก็ตดเสียงดัง ทำให้ตัวละครต้องปวดหัวมากๆ แต่พวกตัวตลกพวกนี้หากเราดีไซน์บทดีๆ เราสามารถจับให้เค้าเป็นฮีโร่ออกมาช่วยเหลือในตอนจบได้สบายๆ แล้วคนดูเฮได้นะครับ

ตัวร้ายที่เห็นแก่ธุรกิจของตัวเองมากกว่าความปลอดภัย
ส่วนมากใส่บทให้เป็น เจ้าของธุรกิจ หรือ นักการเมืองท้องถิ่น (ถ้าในประเทศไทยก็ อบต.) ที่มักไม่ลงลอยกับพระเอก เมื่อมีเหตุการณ์ประหลาด เช่น คนตายในโรงงาน หรือพื้นที่ปิดของตัวเองมักจะบอกให้ลูกน้องปิดข่าว แหมมมมมม…. เป็นเรารีบแจ้งตำรวจ ไม่ก็นายอำเภอสิครับ และพวกคนพวกนี้มักจะคิดว่าควบคุมสถานการณ์ได้ รับมือได้ โดยใช้คนที่เป็น Body Guard ราคาถูกกับปืนกระบอกเล็กๆ และแว่นตาดำที่โผล่มาแค่เฉลี่ย 3 นาทีในหนังก็กลายเป็นชิ้นๆ

วิธีการคือ ให้เจ้าของบทตัวร้ายนี้ โดนกินช่วงท้ายๆ คนดูจะสะใจมาก แต่ระดับบความสะใจต้องให้เค้าทำอะไรที่น่ามั่นไส้ตอนแรกๆ แบบสุดๆ ก่อน
การดีไซน์ว่าสัตว์ประหลาดจะตายยังไงตอนจบ
สั้นๆ แล้วกัน ไฟฟ้า เหว ถังแก๊ส ทำยังไงก็ได้ให้มัน ตกลงไป ไหม้ หรือระเบิด


เอาเป็นว่าบทความนี้เป็นเรื่องของการสังเกตขนบที่หนังเกรดบีเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดทั้งหลายโผล่มาขย้ำมนุษย์นะครับ ซึ่งหากสังเกตจริงๆ ร้อยละ 70 ที่บอกมาแนวทางการดำเนินเรื่องของบทหนัง และสถานการณ์ทั้งหมดนั้นก็เหมือนตามที่เล่าหมด ถ้าไม่เชื่อก็ลองหาหนังสักเรื่องมาดูสิครับ