
เรื่องราวของ Begin Again ภาพยนตร์โรแมนติค คอมเมดี้ที่เดินทางด้วยเสียงเพลง ดนตรี ระหว่างอดีตโปรดิวเซอร์ชื่อดัง Dan และ อดีตแฟนเก่านักร้องดังอย่าง Greta ต้องมาพบกัน
คำเตือน: มีการเปิดเผยเนื้อหา
ผลงานกำกับของ John Carney โดยนักแสดงขายฝีมือไม่เน้นหน้าตาอย่าง Mark Ruffalo (Avenger, Zodiac, Now you see me, Just Like Heaven) รับบท Dan โปรดิวเซอร์มือตกที่กำลังจะโดนหุ้นส่วนไล่ออกจากบริษัท มีปัญหาครอบครัวหย่าร้างกับภรรยา Miriam รับบทโดย Catherine Keener (แก่ไปเยอะ) วันๆ ได้แต่เมามาย เฟ้นหาศิลปินจริงๆ ไม่ได้สักที
อีกฟากชีวิตคือ Greta รับบทโดย Keira Knightley (Pirate of Caribbian, Dangerous Method, Atonement) ศิลปินเพลงอินดี้ที่ชอบการแต่งเพลงเป็นชีวิตจิตใจเดินทางมากับแฟนหนุ่มที่กำลังดังบนโลกออนไลน์ และค่ายเพลงกำลังปลุกปั้นให้เป็น Rock Star ชื่อดัง Dave รับบทโดย Adam Levine (นักร้องนำ Maroon5) ซึ่งแรกๆ ก็โอเค พอหลังๆ มา Dave กลับดังแล้วนอกใจ Greta ทำให้เธอเสียศูนย์เดินทางกลับต่างประเทศ ก่อนจะกลับเธอไปพบเพื่อนที่เล่นดนตรีสดที่ร้านแห่งหนึ่ง เธอจึงขึ้นไปร้องเพลงที่เธอแต่ง
แน่นอนทั้งร้านไม่มีใครสนใจหรอก แต่มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่นั่นคือ Dan และหลังจากนั้น Dan ก็ได้ทาบทามเธอให้เข้ามา ทำดนตรี โดยที่มีอุปสรรคมากมาย แต่ทั้งคู่ก็ เผชิญ และช่วยเหลือซึ่งกันและกันจนทำดนตรีที่เยี่ยมยอดออกมาได้
ครั้งแรกที่ทั้งคู่พบกันเป็นฉาก ที่อธิบายชื่อเรื่อง ที่แปลไทยได้ชัดเจนครับ “เพราะรักคือเพลงรัก”
สรุปแล้วการจะชม Begin Again สิ่งที่คุณต้องเตรียมตัวคือ
- ถ้าจะไปดู Adam Levine ขอบอกว่าอาจจะเงิบ เพราะพี่แกไม่ใช่ตัวเอก แม้จะขโมยซีนตอนจบนั่นก็เพราะพี่แกเป็นนักร้อง แต่ทั้งเรื่องที่พี่แกปรากฏนั่นคือความ ติสส์แบบไร้สาระ ความเสร่อเพี้ยนๆ แบบจงใจจะเป็นบุคคลิกนี้ (อาจจะเป็นบทที่ให้พี่แก ทำให้เหมือนศิลปินที่ดังต้องรักษา Look) ดังนั้นบทของ Adam Levine ไม่มีอะไรให้จำ นอกจาก 10 นาทีสุดท้ายตอนร้องเพลง “Lost Star”
- ถ้าจะไปดู Keira Knightley และ Mark Ruffalo ก็ขอบอกว่าคุ้มเพราะทั้งคู่เล่นดี ในซีนแสดงอารมณ์ และฉากอมยิ้มหลายๆ ฉาก
ถ้าจะไปดูว่าชีวิตของศิลปินต่างประเทศเป็นยังไง คุณจะเห็นศิลปินอินดี้มากกว่า พวกมีสังกัด เพราะหนังตามติด วงของนางเอกหรือศิลปิน อินดี้ ที่เป็นเพลงแนว Ambient เล่นสดตามเมือง New York กับ Location สวยๆ
พลอตเรื่องแค่นั้นแหละครับ สั้นๆ ง่ายๆ ถ้าถามว่ามีอะไรให้พูดถึงไหม คงต้องตอบตรงๆ ว่า “มี” แต่สิ่งที่มีก็อย่าคาดหวังเกินไปว่ามันจะยอดเยี่ยมแบบ About Time
ประเด็นเรื่องของความสัมพันธ์
สำหรับ Dan นั้น สภาพ เหมือนคนจรจัด โทรมสุดๆ ฝีมือการจัดการอะไรก็ไม่ได้หวือหวาอะไร แต่กลายเป็นตัวละครที่ผมคิดว่าดูมีชีวิตที่สุดในหนัง Begin Again นี้ เพราะมิติ ความรู้สึก ประมาณว่าพี่แกเถื่อน ถ่อย แต่ก็มีความน่ารักเวลาหยอกลูก หยอกเมียเก่า มีความโรแมนติคแบบที่ Greta พบตอนฟังเพลงด้วยกัน และมีความจริงจังในการมองโลกในอพาร์ทเมนต์ของเพื่อน Greta เกี่ยวกับชีวิตของศิลปิน Rock Star
ความสัมพันธ์ของ Dan กับ Greta นั้นไปอย่างภาพยนตร์ โรแมนติคทั่วไปเล่าเรื่องครับ แต่เพียงแค่ในภายหลังมันมากกว่านั้นแต่ Greta เองก็เลือกที่จะใช้จุดยืนของเธอทำให้ความสัมพันธ์ของตัวละครทั้ง 2 ไปมากกว่าไปว่าคำว่า “Relationship” ให้เตลิดไปเป็น “Love”
ตรงกันข้าม Greta นั้นเลือกที่จะไม่ตกลงกับ Dan และคงความเป็นเพื่อนไว้อาจจะเพราะ เธอยังคงเห็นว่า Dan ยังคงรักลูกสาว และภรรยาของเขา นั่นคือ Miriam และตัว Greta เองลึกๆ ก็ยังคงรัก Dave อยู่ ไม่อาจจะลืมได้ แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเก่า ดังนั้นจะบอกว่า Begin Again มันจะเหมือนรัก สามเส้า มันก็กลายๆ ไม่เชิง แต่สุดท้ายเธอก็เลือกทางเดินของเธอที่ปราศจาก ชาย ทั้ง 2 คนในเรื่องครับ
เสน่ห์ของ New York
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบๆ มากๆ นอกเหนือจากตัวละครทั้ง 3 คือตัวเอกอีกคน นั่นคือ มหานคร New York ที่แสนงดงาม และมีเสน่ห์ ที่สำคัญมันไม่เคยหลับไหล อย่างที่ Dan บอกว่า ฉากน่าเบื่อเดิมๆ ผู้คนขวักไขว่ ไปมาชินตา พอเปิดเพลงแล้วเดินมองไปฟังไป ทุกสิ่งก็ดูน่าสนใจ และมีชีวิตทันที เหมือนมหานครมันกำลังร้องเพลงให้เราฟัง ดังนั้นหากว่าใครที่อยากจะฟังเพลงเพราะๆ และดูความสวยงาม และวิถีชีวิตคนเมืองอย่าง New York ก็คิดว่าไม่น่าพลาด
ในบทสรุปแม้ว่า Dev นั้นพร้อมจะกลับมาด้วยการ Cover เพลง Lost Star ที่ Greta แต่งขึ้นมาในสไตล์ของเธอ ประหนึ่งเหมือนการใช้เพลงบอกความในใจให้ Greta กลับมาหาเขา แม้จะเป็นฉากขโมยซีนฉากเดียวของ Adam Levine ที่เสร่อเหมือนจะติสส์แต่ไร้รสนิยมทั้งเรื่องให้คนจดจำ และเพลงก็เพราะจริง แม้ว่าเพลงนั้นจะเป็นการขอเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับ Greta แต่สำหรับ Greta เธอกลับเลือกเดินหนีไปจาก Dave เหมือนกับว่าการเริ่มต้นใหม่ของเธอนั้นไม่จำเป็นต้องมี Dave ก็ไม่เป็นไรซ้ำเธอยังช่วยชี้ทางเริ่มต้นใหม่ให้กับคนที่เธอ (เกือบจะ) รักอย่าง Dan ให้กลับไปคืนดีกับภรรยาของเขา Miriam อีกครั้งด้วยสายต่อแจ็คหูฟังที่เธอส่งให้ สำหรับภายหลังเธอเลือกคความสัมพันธ์เพิ่อนที่ดีต่อ Dan และเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเธอลำพังโดยการเป็นศิลปิน Indy ที่ไม่ถูกติดกับค่ายเพลง โดยการปล่อยซิงเกิลของเธอ เพราะเธอเชื่อว่า เพลง คือ ความสุขที่ได้แต่ง ความสุขที่ได้ร้อง ซึ่งตรงกันข้ามกับ Dave ที่เพลงคือการแบ่งปันให้กับคนข้างล่างเวทีตามวิธีของ Rock Star (ที่ดููเพี้ยน)
เป็นไปได้ว่า Begin Again นั้นอาจจะเปรียบเสมือนการเริ่มต้นใหม่ของ คนทั้ง 3 ที่อาจจะหลงทางไปบ้างให้กลับมาเจิดจรัสอีกครั้ง ตามความหมายของเพลงนั่นแหละครับ
รู้ไหมว่า John Carney เคยกำกับภาพยนตร์เรื่อง Once (2006) คนที่ใช่ในช่วงหนึ่งของชีวิต มาก่อน เป็นหนังเกี่ยวกับศิลปินอินดี้เหมือนกัน และตอนจบของตัวเอกทั้ง 2 นั้นก็รักกัน แต่ไม่ได้ตัดสินใจอยู่ด้วยกันเหมือนเรื่องนี้เด๊ะเลย อ่านรีวิวดูได้
คะแนน 7.5/10 (มันกั๊กๆ เหมือนความรู้สึกของ Greta และ Dan ตอนบอกลากันที่ไม่รู้ว่าจะบอกรักดีไหม หรือไม่ดี เช่นกันกับความสนุกที่ ก็เพลินๆ แต่ก็ยังกั๊กๆ ไม่สุดอารมณ์ เหมือนรีวิวนี้ ที่ไม่รู้ว่าจะชม หรือบ่นดี แต่หนังก็เพลินครับ)
ปล. Dan บอกกับเราไว้ว่า “เสียงดนตรีทำให้เหตุการณ์น่าเบื่อในแต่ละวัน มีสีสันขึ้นมาได้”