ช่วงหลังมานี้ผมได้ดูภาพยนตร์ของ Quentin Tarantino หลายเรื่องเพราะจู่ๆ ก็เสี้ยนขึ้นมาแล้วบังเอิญมาดูภาพยนตร์จีน เวอร์ชัน 1967 อย่าง “Dragon Gate Inn” หรือโรงเตี้ยมมังกรฉบับของ King Hu ที่เป็นเวอร์ชันคลาสสิคไม่ใช่ของที่ Jet Li เล่น มันมีความแยบยลตมตายทั้ง การเมือง ปรัชญา และนิยามมุมมองที่แสนฉลาดไปจนฉากแอ็คชัน เมื่อคนมากฝีมือกลุ่มหนึ่งมาพบกันที่โรงเตี้ยมซ่อมซ่อชายแดนที่ไกลปืนเที่ยง แล้วบังเอิญแกนเรื่องน่าสนใจท้ังหมดและสร้างความน่าแปลกใจเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้คือพอผมได้นึกย้อนกลับไปดูภาพยนตร์ของ Quentin Tarantino ปี 2015 เรื่อง “The Hateful Eight” ต้องบอกว่า เออ โคตรเหมือนกัน จะบังเอิญ หรือไม่ก็น่าคิดไม่ใช่ว่า ลอกกันมาหรอกครับ แต่มันคือความกวนตีนที่หยิบมาล้อได้อย่าง คมคาย และหลากประเด็น
นึกย้อนไปครั้งแรกที่ผมได้ดู “The Hateful Eight” มันเจ๋งมากนะเป็นหนังที่ไม่ค่อยจะเจอ และไม่เคยจะเห็นผู้สร้างภาพยนตร์ ยกประเด็นการเมือง และการว่าด้วยเรื่องของสัญลักษณ์สามัญอย่างคำว่า “Justic” มาเล่นได้อย่างคมคาย และยังสามารถสร้างความน่าสงสัย พร้อมกับไม่น่าไว้ใจผ่านการใส่ความลึกลับด้วยความยกในการคาดเดาที่ไม่สามารถเชื่อใจตัวละครตัวใดได้เลยแบบที่ Quentin เคยทำมาใน “From Dusk Till Dawn”, “Reservoir Dogs” และ “Pub Fiction”
พอกลับมาเจอ Dragon Gate Inn ฉบับของ King Hu แล้วเหมือนเป็นการสร้างจักวาลของ Hu หรือ Hu’s Universerse ที่บังเอิญ Quentin ที่ดูหนังทุกเรื่องมาแล้วชอบใจคันไม้คันมือหยิบยกมาใส่ใน “The Hateful Eight” เรียกได้ว่ามีอิทธิพลเต็มๆ ที่ Quentin หยิบแกนเรื่องของ Hu หรือจักรวาลของ Hu มาเล่นในแบบของตะวันตก ดีไม่ดีมันอาจจะเป็นเรื่องเดียวกัน
King Hu ยังมีความสนใจใน ปรัชญา(ขงจื้อ), ธรรมชาติ(Zen), ศาสนา(พุทธ) และการเมืองของประเทศจีน ฯ ได้ทำการผสมคลุกเคล้าเข้าไป ทำให้หนังมีความลึกซึ้ง ลึกล้ำ และอยู่เหนือกาลเวลา
เป็นไปได้ว่า “The Hateful Eight” นั้น Quentin ต้องรัก และชอบใจตัวละครเอกหญิงที่แข็งแกร่ง ร้ายกาจ และมีเป้าหมายแน่วแน่ที่ต้องการแก้แค้น หรือให้ความยุติธรรม ยิ่งย้อนกลับไปเจอ หนังอย่าง “Come Drink with Me” (1966) ผลงานก่อน Hu จะหยุดสร้างหนังในฮ่องกง ก่อนผงาดด้วย “Dragon Gate Inn” เรื่องนี้ในใต้หวัน ตัวละครหญิงของ Hu อย่าง Golden Swallow ใน “Come Drink with Me” ก็คงมีอิทธิพลให้กับ Quentin เช่นกันใน “The Bride” ของ “Kill Bill” เออนี่แหละที่เรียกว่า อิทธิพล
ทั้งสองผลงานชอบทั้งสองแบบ แต่ถ้าเอาจริงๆ สะใจใน “The Hateful Eight” เพราะมันรวมคนแปลกๆ มากฝีมือ ว่าด้วยขั้วการเมืองที่ขัดแย้งของนายอำเภอ และนักล่าฆ่าหัว พร้อมตัวละคร นักแขวนคอ ที่เปรียบตัวแทนของความยุติธรรม ที่เมื่อนักแขวนคอตายไป หญิงร้ายก็ผงาดตัวขึ้นมา พร้อมการช่วยเหลือ (จากใต้ดิน) และเมื่อเรื่องราวต้องจบ ผู้เห็นต่างขั้วการเมืองพร้อมใจกันร่วมมือ ยุติความขัดแย้งประสานพลังกันแขวนคอ อีตัวร้าย ให้สะใจเล่นอย่างแข็งขันสามัคคี
