My Blueberry Nights (2007) ระยะทาง ความเหงา ความคิดถึง

ผลงานระดับอินเตอร์ของ หว่อง กาไว ภาพยนตร์ My Blueberry Nights ว่าด้วยเรื่องของ การเดินทางของหญิงสาวที่เสียศูนย์ กับชายแปลกหน้าที่เฝ้ามองหลายๆ ชีวิตผ่านไปมา
สำหรับสาวกของหว่องกาไว ที่น่าจะชื่นชอบ Chungking Express, Fallen Angels, In the Mood for Love และ Ashes of Time ก็น่าจะชอบผลงานโกอินเตอร์ ที่คงความเหงาได้แบบเดิมให้เราได้รู้สึกเมื่อรับชม
[มีการเปิดเผยเนื้อหาจนจบเรื่อง]
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในคืนเงียบๆ ไร้ซึ่งผู้คนในบาร์เล็กๆแห่งหนึ่งกลางเมือง มีเพียงบทสนทนาเหงาๆ ระหว่าง ชายหญิงแปลกหน้าหนึ่งคู่ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ภายหลังเราได้รู้ว่า ผู้ชายคือ Jeremy (Jude Law) เจ้าของบาร์แห่งนั้น และผู้หญิงคือ Elizabeth (Norah Jones)าวผู้เสียศูนย์จากความรัก ในวันที่ย่ำแย่สุดกู่เธอต้องการเดินทางไปเรื่อยๆ เพราะเสียใจจากแฟนหนุ่มของเธอที่นอกใจเธอไปมีคนอื่น โดยการเริ่มบทสนทนาแบบเข้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นเมื่อ Elizabeth ชำเลืองไปเห็น ขวดเล็กๆ ที่มีลูกกุญแจเต็มไปหมดวางอยู่ เธอจึงถาม Jeremy ว่าขวดนั้นคืออะไร
Jeremy เลยตอบเธอไปเกี่ยวกับ ความเป็นมาของขวดโหลนั้น และกุญแจแต่ละดอกที่อยู่ในขวดต่างก็มีที่มาที่ไป มีเรื่องราวของมัน
กุญแจ และ ความทรงจำในขวดโหล
ลูกกุญแจมากมายที่ปรากฏในขวดโหลนั้น Jeremy บอกกับ Elizabeth ว่า มีลูกค้าคนหลายคนที่ผ่านไปมาในบาร์แห่งนี้ แต่ละคนที่ผ่านมามักจะมาพร้อมกับเรื่องราวต่างๆ หลายคนเลือกที่จะฝากกุญแจไว้ให้กับใครบางคน ซึ่งส่วนมากก็ไม่มีใครมารับเอามันคืนไป หลายคนก็เลือกที่จะทิ้งมันไว้เฉยๆ ในขวดโหลใบนั้น จะว่าไปแล้วถ้าเราได้ดูดีๆ เราจะเห็นว่า กุญแจ ที่ฝากไว้กับ Jeremy ในขวดโหลใบนั้นก็เปรียบเสมือน ความทรงจำ ของแต่ละคน กุญแจบางดอกก็รอวันที่จะคืนให้กับเจ้าของ กุญแจบางดอกก็เป็นแค่สิ่งที่ทิ้งไว้ไม่มีใครต้องการ และลืมมันไป
ที่สำคัญ Jeremy จำเรื่องราวของกุญแจแต่ละดอกได้อย่างดี ว่าที่มาที่ไปของมันนั้นมาจากไหน เจ้าของของมันคือใคร เมื่อจบบทสนทนาจากเรื่องราวของกุญแจแต่ละดอกไป Elizabeth ก็หยิบกุญแจของเธอขึ้นมา แล้วฝาก Jeremy ไว้เช่นกัน โดยเราสามารถคาดเดาได้ว่าเจตนาของเธอ แค่ทิ้งไว้เหมือนกุญแจหลายๆ ดอกในขวดนั้น และหากสังเกตดีๆ เราจะเห็นว่า Jeremy เองก็มีกุญแจของตัวเองเหมือนกัน แต่เขาเลือกที่จะเก็บไว้อย่างดี แม้ว่าเรื่องราวของเขาคือความรักที่ล้มเหลวเหมือน Elizabeth แฟนสาวของเขา Katya (Cat Power) ได้เลิกลากับเขาไป และเคยบอกกับเขาว่า “แม้จะเป็นกุญแจที่ถูกดอก แต่ก็ใช่ว่าจะเปิดประตูบานนั้นได้” Jeremy รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่เขาจะกลับไปหา Katya แต่เขาก็ยังคงเก็บกุญแจไว้เพราะเขาเชื่อว่าสักวันมันอาจจะใช้งานได้เมื่อเขาจำเป็นต้องใช้ เปรียบเสมือนการเก็บความทรงจำดีๆ ไว้เป็นบทเรียน
บทเรียนในส่วนของกุญแจ นั้นก็เปรียบเสมือนความทรงจำของความรักของแต่ละคนที่เป็นเจ้าของกุญแจ บางครั้งก็เลือกที่จะลืมมันไป แล้วไปหากุญแจดอกใหม่ข้างหน้าอย่างที่ Elizabeth ทำในตอนนี้เธอเลือกที่จะเดินทางไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย และหลายคนก็ยังคงเลือกที่จะรอให้คนที่เฝ้ารอเจ้าของกุญแจกลับมารับเอามันคืน หรือรอคนรักกลับมา และก็เป็นไปได้ว่าเก็บกุญแจไว้ เพื่อสำหรับนึกถึงความทรงจำดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นเหมือน Jeremy
กุญแจก็เหมือนกับความทรงจำ “มันก็เหมือนกับ พาย และเค้กในตู้นั่นแหละ บางทีก็ไม่มีเหลียวแลมัน” Jeremy บอก, Elizabeth ถามเขาว่า เขายังไงกับ พาย และเค้กที่ไม่มีคนซื้อ คำตอบของ Jeremy คือ “เททิ้ง” ซึ่งพาย และเค้กส่วนมากก็ขายดีหมดบ้างทิ้งบ้าง จะมีก็เททิ้งประจำก็คือ บูลเบอร์รี่พาย
บลูเบอร์รี่พาย และสัจธรรม
Elizabeth ขอบูลเบอร์รี่พายชิ้นที่ Jeremy กำลังจะทิ้งชิ้นนั้นแล้วถามว่าเพราะอะไร มันถึงไม่มีคนแลมันเลย มันมีอะไรผิดปรกติหรือเปล่าเช่นรสชาติ หรือหน้าตาของมัน คำตอบเรียบง่ายของ Jeremy ก็คือ “ไม่มีอะไรผิดปรกติ บูลเบอร์รี่พายก็คือบูลเบอร์รี่พายวันยังค่ำ ที่มันไม่มีคนเหลียวแล เพราะว่าคนอื่นเลือกซื้ออย่างอื่นเช่น พายแอเปิล หรือเค้ก ก็เท่านั้น” ประเด็นที่ว่าก็คือ ไม่ใช่แค่บูลเบอร์รี่พายมันรสชาติไม่ดี หรือไม่น่ากิน แต่ที่ต้องเทมันทิ้งก็เพราะแค่ว่า ไม่มีใครซื้อ มันก็เหมือนสัจธรรมของโลก บางครั้ง เรามักจะคิดว่าเราไม่ดีพอ ไม่สวยพอ ต่อคนที่เรารัก เค้าจึงทิ้งเราไปแต่ถ้าหากมองในประโยคของ Jeremy เกี่ยวกับบูลเบอร์รี่พายแล้ว เราจะเห็นว่า สำหรับความรัก การที่คนคนนั้นไม่เห็นความสำคัญของเรา ไม่ได้เกิดจากว่าเราแย่ หรือน่าเกลียด แต่มันเกิดจากที่เค้าไปเลือกคนอื่นก็เพียงแค่นั้น ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องไปตำหนิตัวเอง และก็ใช่ว่าเราจะต้องถูกเททิ้งทุกวัน เพราะบางวันเจ้าบูลเบอร์รี่พายมันก็ขายได้ เพราะความรักเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้
Elizabeth เผลอหลับบนโต๊ะหลังทานบูลเบอร์รี่พายเสร็จ เธอ และเขาใช้เวลาเหงาๆ ในคืนนั้นร่วมกัน จนรุ่งเช้า Elizabeth ก็ออกเดินทางต่อไปจนเจอกับเหตุการณ์มากมาย กับแง่มุมความรักที่หลากหลาย
กุญแจชำรุดที่รอเจ้าของมาเอาคืน
Elizabeth เดินทางพบกับ Sue Lynne (Rachel Weisz) สาวสาวประจำเมืองหนึ่งที่แก้เผ็ด สามีเก่าที่เลิกลากันเพราะเขาติดเหล้า เธอใช้วิธีเดียวกับ Elizabeth คือการเดินหนีออกไปจากชีวิตของสามีเธอ เลือกคนผู้ชายใหม่ๆ แต่ก็ไม่สามารถไปไหนได้ไกล เธอยังคงวนเวียนไปมาในชีวิตของสามีผู้ติดเหล้าของเธอ เพื่อให้เขาได้เห็นว่าเธอยังคงอยู่ใกล้ๆ และบางครั้งก็แสดงให้เห็นว่าเธอมีคนใหม่ให้เขาเห็น เป็นความรู้สึกแบบทั้งรักทั้งชัง ที่ตัวเธอเองหลอกตัวเองว่า วิ่งหนีออกจากเขาได้แล้วแต่เอาเข้าจริง เธอไม่ได้หนีไปไหนกลับวิ่งวนเวียนไปมาแถวๆ ประตูบานนั้น เปรียบเสมือนกุญแจที่ชำรุดที่รอคอยให้เขาคนนั้นกลับตัวแล้วมารับมันคืน
ชิปคาสิโนสีขาว
Arnie (David Strathairn) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กำลังเลิกเหล้าจากอาการติดเหล้า เขาฉลองให้กับตัวเองในการเลิกเหล้าแต่ละคืนโดยการดื่มเหล้า? เค้ารู้สึกผิดทุกครั้ง และทุกครั้งที่เขาเผลอตัวเผลอใจกลับไปดื่มเหล้าเขาจะเก็บ ชิป คาสิโนสีขาวไว้เป็นเครื่องเตือนใจ จนปัจจุบันเขามี ชิปสีขาวสะสมไว้มากมาย
ภายหลังเราจะทราบว่าเขาคืออดีตสามีของ Sue และการสะสมชิปสีขาวในภายหลังเราจะเห็นชัดว่า มันไม่ใช่การนับจำนวนครั้งที่เขาพลาดกลับไปดื่มเหล้า แต่มันเป็นการสะสม และนับถึงภาวะที่ “ทำใจไม่ได้” เมื่อพบกับ Sue และเห็นเธอไปไหนมาไหนกับแฟนใหม่
ซึ่งเราจะก็จะทราบภายหลังอีกครั้งว่า ทั้งคู่นั้นต่างก็ “โกหกตัวเอง”
สาวนักพนันผู้กลัวฝน
Elizabeth ได้พบกับ Leslie (Natalie Portman) สาวนักพนันผู้อยู่กับพ่อนักพนัน กับวาทะเด็ด
“ตอนเด็กพ่อสอนฉันให้นับ 1 ถึง 10 พอฉันถามว่าตัวเลขต่อจาก 10 คืออะไร พ่อบอกว่า Jack”
ความสัมพันธ์ของเธอ และพ่อนั้นอยู่บนความไม่ไว้ใจกันและกัน แม้เธอจะบอกว่า “ความไม่ไว้ใจ” นั้นคือสิ่งที่พ่อเธอสอนมาว่าอย่าหลงกลคนอื่น เธอเกลียดการ “โกหก” แต่สุดท้ายเธอเองก็ไม่ไว้ใจแม้แต่พ่อของเธอ และความไม่ไว้ใจอีกนั่นแหละ คือสิ่งที่ทำให้เธอไม่สามารถตกลงปลงใจ ไม่เชื่อในความรัก และชีวิตคู่ ทำให้เธอไม่สามารถมีความสัมพันธ์กับใครได้ยาวนาน เพราะเธอเดินบนเส้นทางที่เรียกว่า “ความรัก” ของเธอด้วย “ความไม่ไว้ใจเพราะกลัวโดนหลอก หรือโกหก” และ “ความกลัว เพราะกลัวที่จะต้องเสียใจ” และหลายครั้งที่เธอกลัวจะต้องเสียใจ และกลัวว่าจะโดนหลอก เธอเลือกที่จะ โกหก เพื่อหนีออกจากความรู้สึกกลัวแม้ว่ามันจะยังไม่ได้เกิดขึ้น
แต่ละเหตุการที่ Elizabeth เดินทางไป พบเจอผู้คนมากมาย เธอเลือกที่จะเขียนจดหมาย โดยไม่ใส่ที่อยู่ของเธอส่งไปยังบาร์ของ Jeremy ให้เขาได้อ่านเรื่องราวของเธอ และ Jeremy เองก็มีความสุข และคิดถึง Elizabeth เขานึกถึงคืนนั้นที่ได้อยู่กับเธอ “Blueberry Night”
การเดินทางของ Elizabeth และตัวละครอื่นๆ นั้น ได้เรียนรู้ชีวิต ความรัก และความเหงาไปพร้อมๆ กับเธอ และเมื่อเธอคิดได้ การเดินทางของเธอก็สิ้นสุดลง ได้เวลาเดินทางกลับ เพียงแค่ Elizabeth ไม่ได้เดินทางกลับบ้าน
เธอเดินทางกลับไปหาหัวใจของเธอ บาร์เล็กๆ กลางเมือง และความทรงจำใน “Blueberry Night” และใครสักคนในบาร์แห่งนั้นที่เธอคิดถึง คนที่อยากจะเล่าเรื่องชีวิตให้ฟังตลอดเวลาที่เธอเดินทาง
“มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณเดินมาไกลแค่ไหน และไม่สำคัญหรอกว่าจุดที่คุณยังยืนอยู่จะใกล้หรือยังไกลจากจุดหมายปลายทาง การได้เรียนรู้ระหว่างการเดินทางต่างหากที่สำคัญ”
และ
“การเดินทางไกลแค่ไหน มันไม่สำคัญที่ระยะทาง มันสำคัญที่ว่า….เรากำลังเดินทางไปหาใครมากกว่า”
คะแนน 8.9/10