
Stoker ผลงานกำกับของ Park Chan-wook เขียนบนโดย Wentworth Miller เรื่องราวระทึกที่อาร์ตเหลือเกินในครอบครัวหนึ่งที่ดูจะเป็นคนป่วยทั้งบ้าน
หนังเปิดเรื่องในวันครบรอบวันเกิดเป็นสาวของ India รับบทโดย Mia Wasikowska ลูกสาวคนเดียวของครอบครัว Stoker ที่วันเดียวกันนั้นก็เป็นวันที่ต้องสูญเสียผู้นำครอบครัวอย่าง Richard รับบทโดย Dermot Mulroney จากไปเพราะอุบัติเหตุสุดสยอง เหลือเพียงภรรยาสาวสวยที่ไม่ค่อยชอบหน้าลูกสาวตัวเองนักอย่าง Evelyn รับบทโดย Nicole Kidman ให้อยู่กันตามลำพัง จนกระทั่งในวันจัดงานศพคุณอา Charles รับบทโดย Matthew Goode น้องชายพ่อที่ ทั้งแม่และลูกเองก็ไม่ทราบที่มาที่ไปของเขา ก็ได้มาเยี่ยมและขออาศัยอยู่ด้วยสักพักหนึ่ง
และความป่วยจิตก็เริ่มต้นขึ้น… เพราะคุณอาแปลกหน้าคนนี้
สำหรับ India นั้นคุณอา Charles นั้นมีความลับมากมายที่น่าสงสัย และน่าขนลุกจากลางสังหรณ์ของเธอ (ที่เธออธิบายในช่วงเปิดเรื่อง) ทั้งฉาก ที่คุณอามีปากเสียงกับแม่บ้านประจำตระกูล ในช่วงแรกและมาทราบภายหลังว่าแม่บ้านกลายเป็นศพในตู้แช่ไอศกรีมใต้ถุนบ้าน ซ้ำยังคุณป้าที่อยู่ต่างเมืองมาเตือนเรื่อง Charles ทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ให้โทรกลับไป จนเธอเริ่มหวาดหวั่นคุณอาคนนี้ จึงโทรกลับไปแล้วพบว่าเสียงโทรศํพท์ของป้าดังมาจากใต้สนามหญ้าในสวนหน้าบ้าน ซ้ำร้ายคุณอาคนนี้ก็เริ่มเข้าใกล้คุกคามเธอทีละนิดๆ ผ่านแม่ของเธอบ้าง หน้าโรงเรียนบ้าน จนกลายเป็นความน่ากลัวที่เธอหวาดหวั่น แต่มันก็แปลกมากตรงที่ในความน่ากลัว และน่าหวาดหวั่นของเธอนั้น ชายคนที่เป็น “อา” ของเธอคนนี้ก็ช่างมีเสน่ห์ต่อเธอเหลือเกิน
ประเด็นของ Stoker นั้นเล่นกับจิตวิทยาด้านมืด ได้อย่างชัดเจนในฉากของความน่ากลัวแต่ก็น่าพิศวาทในตัวคุณอาที่แสนอันตราย และความรุนแรงที่ India นั้นซึมซับจาก คุณอา Charles ของเธอ
ภาวะของบุคคลิกภาพที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์ และกลุ่มตัวอย่างในเชิงจิตวิทยา
ตัวละครอย่าง India นั้นมีภาวะของการเปลี่ยนแปลงของคนที่มีอาการทางจิตขึ้นมาเรื่อยๆ ที่เราจะเห็นได้ชัดที่สุด ตัวอย่างเช่น การแอบดู คุณอา กับแม่ของเธอพลอดรักกัน เธอก็วิ่งไปยังร้านเหล้าแถวบ้านหาเพื่อนชายที่คุ้นหน้าในโรงเรียน ยั่วให้เกิดอารมณ์ แต่พอเริ่มรู้สึกว่าเกินไปก็หยุด แล้วลงเอยที่เธอโดนทำร้ายคุณอาของเธอก็เข้ามาสังหารหนุ่มน้อยรายนั้น พร้อมทั้งเธอเองก็เป็นคนฝังลงไปที่สวนหน้าบ้าน ขึ้นไปอาบน้ำ ฉากของกล้องคือเธอกำลังคร่ำครวญร้องไห้ กับเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่ตรงกันข้ามสักพักเราจะเห็นว่าเธอกำลัง สำเร็จความใคร่จากการช่วยตัวเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้น หนังจะสื่อว่า อาการทางจิตของเธอ นั้นมีผลจากเครือญาติอย่าง อาของเธอ ที่มองเห็น และได้ยินอะไรที่แปลกและดังกว่าคนปรกติ ประหนึ่งอาการทางจิตนั้นมาจาก พันธุกรรม เช่น พ่อ แม่ พี่น้อง เครือญาติ และเป็นไปได้ว่า India นั้นเริ่มมีอาการทางจิตเหมือน Charles ที่ลึกๆ แล้ว ทั้งคู่มีความสุขในการใช้ความรุนแรง
แม้กระทั่งเธอทราบว่า อา ของเธอคือฆาตกรโหด และสืบไปถึงจุดเฉลยของเรื่องเกี่ยวกับการตายของพ่อเธอ ตัว India เองก็ถูกนำไปเทียบกับฉากของการออกล่าสัตว์ที่เป็นฉากของเธอและพ่อออกไปล่านกเป็ดน้ำ ที่พ่อของเธอสอนถึงทฤษฏีของการเป็นผู้ล่า รอจังหวะ และล่า
แม่ของเธอเองก็ใช่ย่อยแม้ว่าจะออกมาน้อย แต่บทของหญิงสาวที่ปล่าวเปลี่ยว ที่อิจฉาแม้กระทั่งลูกสาวตัวเองที่สามีมีเวลาให้มากกว่าเธอนั้นก็สะท้อนความป่วยของผู้เป็นแม่ได้ชัดเจนเช่นกัน
ซึ่งการเป็นผู้ล่านั้น ได้ตอกย้ำการเติบโตแบบผู้ล่า และป่วยจิตเต็มขึ้นของ India ในตอนท้ายของเรื่องทันที คงไม่สปอยอะไรมาก แนะนำให้ไปดูกัน ให้มองว่าหนังเรื่องนี้คือเรื่องหนึ่งของคนป่วย 2 คนที่มาเจอกัน
ฉากที่ขอปรบมือ คือฉากที่เป็น Symbolic ทั้งหลาย เช่น แมงมุมไต่เข้าไปยังอวัยวะเพศของ India ในตอนเปิดเรื่อง ที่เปียโนของเธอ และ ภาพนี้สะท้อนกลับมาเป็น Symbolic ของการถูกคุกคามทางเพศของเธอโดยอาของเธอผ่านการเล่นเปียโนคู่ ที่ India เล่นโน็ตที่เสียงสูงที่สดใส จู่ๆ Charles ก็วิ่งมานั่งข้างๆ แล้วเล่นโน็ตโทนต่ำน่าขนลุกแทรกเข้าระหว่างบทเพลง บรรเลงไปมาจนสุดท้ายกลายเป็นโน็ตเสียงเดียวกัน เป็นฉากที่สื่อภาพของการเข้าคุกคามทางเพศที่อาร์ต และเก๋ไก๋สุดๆ ฉากหนึ่งที่อยากจะยกนิ้วให้เลยครับ
เอาเป็นว่า หนังป่วยๆ หนังจิตๆ ที่คนธรรมดาดูได้ แม้ความแรงจะเบากว่าตอนกำกับ Old Boy แน่ก็น่าจะมีหลายคนชอบ และฉากเปียโนที่ผมยกให้เป็นฉากเด็ดเลยครับ
คะแนน 8.3/10