The Deer Hunter (1978) ความพ่ายแพ้ของอเมริกาผ่านคน

ผลงานกำกับที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Michael Cimino กับ The Deer Hunter ภาพยนตร์สะท้อนความเป็นไปของอเมริกาในช่วงสงครามเวียตนามผ่านตัวละครในภาพยนตร์เชิงสัญลักษณ์
ผมรู้มาตลอดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีหลายคนบอกว่าเป็น “หนังดี” สื่อเมืองไทย และเมืองนอกก็บอกว่าเป็นผลงานที่ควรดูก่อนตายในชีวิตนึง ผมไม่เคยจะหยิบมาดูเลยสักครั้ง จนกระทั่งสอยเจ้า Box Set ของภาพยนตร์ Classic มาดองไว้พักใหญ่ๆ แล้วหยิบมาดูอีกครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ สิ่งแรกที่รู้ทันทีถึง “ความดี” ของ The Deer Hunter นั้นก็คือ “ความเป็นอเมริกาจ๋า” ผ่านตัวละครอย่างเพื่อนซี้กลุ่มใหญ่ Michael (Robert De Niro), Nick (Christopher Walken), Steven (John Savage) และคนอื่นๆ กับสาวสวยคนเดียวในเรื่องคือ Linda (Meryl Streep) ครึ่งแรกของ 3 ชั่วโมงกว่าๆ ของหนังนั้นคือการถ่ายทอดวิถีชีวิตของ “อเมริกัน”
ความเป็นอิสระ (Free Dom) และประเพณีแต่งงานของ Steven กับสาวที่แก่กว่าตัวเอง และลูกในท้องของเธอก็ไม่ใช่ลูกของเขา กับภาพบรรยากาศคึกคะนองแบบเพื่อนฝูงยาวนาน และความสัมพันธ์ของ Linda กับ Nick ที่กำลังไปได้สวย ทั้งๆ ที่ Micheal นั้นก็แอบชอบ Linda มาตลอด แต่ก็ต้องเสียสละให้เพื่อนรักไป โดยหาเหตุผลระงับความว้าวุ่นใจไปกับการออกล่ากลางเงียบๆ บนภูเขายามว่าง วิถีชีวิตของ “อเมริกันชน”
นำเสนอออกมาพร้อมๆ กับภาพลักษณ์ของความกล้า ความมุ่งมั่น ความมั่นใจในตัวเองของ Micheal, Nick และ Steven ที่อาสาไปเป็นทหาร ออกรบสงครามเวียตนามด้วยความสนุก และพิสุจน์ว่าตัวเองนั้นแน่แค่ไหน เปรียบตัวตนในช่วงแรกของทั้ง 3 คนได้เหมือนกับ อเมริกา ที่ไม่เคยเกรงกลัวอะไร มีพลัง ความฝัน และความมุ่งมั่นเหมือนฉากที่ Micheal พยายามถามนายทหารในบาร์ว่า เวียตนาม มันส์ สนุกมากไหม นายทหารตอบกลับเพียงสั้นๆ ว่า “นรก” ทั้ง 3 คนยังมีท่าทีไม่พอใจกับคำตอบนั้น
ฉากถูกตัดมาในสงครามเวียตนาม เมื่อเหตุการณ์พลิกผัน Micheal, Nick และ Steven ถูกจับโดยเวียตกง ขังไว้ในคุกน้ำ โดยค่ายกักกันนี้จะมีกิจกรรมพิเศษที่เอาไว้เล่นยามว่าง ซึ่งก็คือไฮท์ไลท์เด่นของหนัง กับการเรียกเชลยมาเล่นเกมรัสเชี่ยน รูเล็ตต์
ใครที่ซวยยิงหัวตัวเองกระจุยก็ถูกทิ้งไป แน่นอนว่า Steven นั้นไม่สามารถมีสติกลับมาเป็นแบบเดิมได้ เพราะเพี้ยนสุดๆ เพราะความกลัวไปแล้ว Nick ถูกเรียกขึ้นไปเล่นเกมนั้น โชคดี รอดมาได้ แต่แล้วเวียตกงก็เรียก Micheal ขึ้นมาเล่นกับ Nick, ทางด้าน Micheal นั้นมีแผน ที่ต้องใช้ดวงเล็กน้อยในการที่จะหนีออกไป ได้ต่อรองเวียตกงขอเล่นกระสุน 3 นัด แต่จะต้องมีการวัดดวงกับ Nick (นาทีนั้นผมคิดว่า Micheal ก็ลุ้นอยู่ในใจว่า Nick จะซวยหรือเปล่า เหมือนการใช้เพื่อนเป็นเครื่องมือ ซึ่ง Nick ก็คงคิดว่าเอาตัวเองเป็นเครื่องมือเช่นกัน) แต่โชคเข้าข้างทั้งสอง ทำให้จัดการเวียตกงและหนีมาได้ แต่เกิดความผิดพลาดในการรับส่ง Nick ที่บาดเจ็บถูกส่งตัวไปรักษาในไซ่ง่อน ส่วน Micheal และ Steven ที่ตกจากเครื่องบินบาดเจ็บนั้น ต้องพลัดหลงไปกับผู้ลี้ภัยไป
Nick ที่เริ่มตื่นขึ้นมา จากโรงพยาบาล รู้สึกถึงความอัปยศของการพ่ายแพ้ ทั้งจากตัวเอง และประเทศไม่สามารถทนสู้หญิงที่เป็นที่รักได้ จึงไม่ยอมกลับบ้าน และไปพบกับบ่อนพนันแห่งหนึ่งที่มีคนอาสาเล่น รัสเชี่ยน รูเล็ตต์ กันเพื่อเงินวัดความดวงดี ซึ่งได้พบ Micheal แต่คลาดกัน
ภาพตัดมาที่การกลับบ้านของ Micheal ในฐานะของวีรบุรุษสงคราม แม้ว่าทุกคน ยินดีต้อนรับการกลับมาบ้านของเขา แต่ Micheal เองนั้น เลือกที่จะบอกให้ Taxi ขับรถเลยบ้านของตัวเองไป ตั้งหลักใหม่ที่โรงแรมนอกเมืองพร้อมกับลบล้างความอดสู ของการพ่ายแพ้ของอเมริกา และความโหดร้ายที่พบเจอมาตลอดในสงคราม ไม่นานนักก็ปรับตัวได้ และเข้าไปเติมเต็มความเหงาของ Linda เพราะ Nick หายสาบสูญไป และตามหา Steven ที่ปัจจุบันกลับมาบ้านก่อนหน้าแล้ว แต่สภาพร่างกายก็กลายเป็นคนพิการไป ได้แต่ซ่อนตัวในโรงพยาบาล วันที่ Micheal ได้พบกับ Steven ก็ได้รู้ความจริงว่า Steven มีเงินส่งมาดูแลตลอดเวลาจาก Nick ทำให้ Micheal ต้องกลับไปที่เวียตนามอีกครั้งเพื่อตามมา Nick โดยการตระเวนตามหาบ่อนที่มีการเล่น รัสเชี่ยน รูเล็ตต์ แลกเงินจนกระทั่งพบกับ Nick แต่สภาพที่กลับไปพบนั้นก็ไม่ใช่ Nick คนเดิมอีกต่อไป รัสเชี่ยน รูเล็ตต์ ครั้งสุดท้ายคือการเยียวยาหัวใจตัวเองของ Nick จะว่าไปแล้ว Nick นั้นเป็นตัวละครที่เปรียบเสมือน อเมริกา ที่ชัดเจนกว่า Micheal คือการไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ทั้งที่จริงๆ นั้นตรงกันข้าม สงครามครั้งนั้นคือสิ่งอัปยศ อดสูที่สุดของอเมริกา อีกทั้งจิตใจของทหารที่ผ่านสงครามนี้มาต้องพบความเจ็บปวดที่เกินเยียวยาไปแล้ว และหลงผิดกลับไม่ได้ ไม่กล้าสู้หน้าประเทศเหมือนดั่ง Nick
ฉากจบงานศพของ Nick ทุกคน Micheal, Linda และ Steven พร้อมสมาชิกร่วมร้องเพลง อาลัยแด่อเมริกาด้วยความเศร้าโศก เป็นการปลอบใจอเมริกาที่ชัดเจนที่สุด
The Deer Hunter นั้นนับว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของ Michael Cimino ที่ผมเองก็นับถือว่า ดีในแบบของมัน แต่อาจจะเป็นอาหารรสชาติแปลกสำหรับคนไทย ยิ่งมาดูในช่วงหลังในฐานะของเก่า เพื่อนๆ หลายๆ คนของผมเดินหนีมัน เพราะคุณค่าของหนังมันหนักอึ้งเกินไปสำหรับพวกเขา แต่สำหรับผมไม่เลย นี่คือ Culture หนึ่งที่เราจะได้เรียนรู้ ความเป็นมา และขนบวิถีที่ดีที่สุดทีเดียว
ฉากที่ชอบที่สุดของผม กลับเป็นฉากการออกไปล่ากวางอีกครั้งของ Micheal ในตอนท้ายเรื่อง เมื่อกวางจนมุมไม่มีที่หนี เขาจงใจยิงพลาดไปทิศอื่น เพื่อละเว้นชีวิตของมัน เหมือนกับบางอย่างได้สอน Micheal มาอย่างดีแล้วว่า “การฆ่ากันนั้นไม่มีอะไรดีขึ้น”
รู้หรือไม่ว่า: โรงเรียนเซ็นคาเบรียล ถูกนำมาถ่ายทำเป็นฉากสถานพูตเวียตนามด้วยและ ถูกปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้ใครเป็นศิษย์เก่าก็คงจะลองหามาดู ภาพโรงเรียนตัวเองสมัยเก่านะครับ
คะแนน: 8.5/10
ภาพยนตร์ "กอดคอกันไว้อย่าให้ใครเจาะกระโหลก" ของ John Woo ได้แรงบันดาลใจ จาก The Deer Hunter นี่แหละครับ