The Silencing (2020) ล่าเงียบเลือดเย็น
เกิดคดีฆาตกรรมปริศนาในป่า ศพเหยื่อมีร่องรอยการหลบหนีการล่า ก่อนตกน้ำเสียชีวิต อดีตนายพรานที่มีความทรงจำเลวร้ายกับนายอำเภอสาวต้องเข้ามาสืบคดีนี้

เกิดคดีฆาตกรรมปริศนาในป่า ศพเหยื่อมีร่องรอยการหลบหนีการล่า ก่อนตกน้ำเสียชีวิต อดีตนายพรานที่มีความทรงจำเลวร้ายกับนายอำเภอสาวต้องเข้ามาสืบคดีนี้ใน The Silencing (2020) ล่าเงียบเลือดเย็น
ตัวบทภาพยนตร์มีความแตกต่างและหักมุมจากตัวอย่างหนังเล็กน้อยเมื่อทุกอย่างที่ปรากฏในตัวอย่างหนังนั้นคือช่วงแรกของภาพยนตร์หมดเลย และตัว The Silencing เองเลือกจะเล่นกับประเด็นของความไม่รู้กับปมของตัวละครหลักทั้งสองฝั่งให้กับคนดูจึงทำให้หนังเรื่องนี้พอมีอะไรจะหยิบมาพูดอยู่บ้าง แม้ว่าสุดท้ายแล้วปมของบทสรุปอาจจะดูเบาโหวงไปบ้างแต่มันก็พอมีเหตุมีผลให้เรานั่งดูหนังเรื่องนี้ไปต่อหลังจากจุดไคลแม็กซ์กลางเรื่อง
นายพรานผู้สูญเสียลูกสาวติดเหล้า Rayburn Swanson (Nikolaj Coster‑Waldau) ผู้นั่งเฝ้าผืนป่าสงวน และคร่ำครวญกับการสูญเสียลูกสาว 14 ปี Gwen ไปเมื่อ 5 ปีก่อนต้องเข้ามาเห็นเหตุการณ์ไล่ล่าในเขตป่า ที่เหมือนคดีฆาตกรรมปริศนาที่ นายอำเภอหญิง Alice Gustafson (Annabelle Wallis) กำลังไขคดี, Rayburn เชื่อว่าฆาตกรปริศนารายนี้อาจเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของลูกสาวเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ดูฝีมือการล่าของฆาตกรเองก็ไม่ธรรมดา ทักษะและอาวุธแสนแปลกอย่างหอกขว้างที่พุ่งไปยังเป้าหมายได้อย่างช่ำชอง ก็ยากพอที่ Rayburn จะจับตัวได้ ในขณะเดียวกันนายอำเภอ Alice เองก็กำลังสืบหาความจริงของคดีปริศนาฆาตรกรต่อเนื่องรายนี้
เพื่อขั้นตอนการตามหาความจริง Alice ร่วมมือกับ Rayburn ที่บังเอิญเข้าไปช่วยเด็กสาวที่พูดไม่ได้ (ฆาตรกรจับเด็กสาวมาตัดกล่องเสียงออก ให้เงียบเหมือนชื่อเรื่อง) เด็กสาวที่ชื่อ Molly ซึ่งสถาการณ์กลับตาลปัตรเมื่อคนร้ายตรงหน้าคือ Brooks Gustafson(Hero Fiennes Tiffin) น้องชายของ Alice กลายเป็นผู้ต้องสงสัย ก็กลายเป็นการวัดผลเรื่องความถูกต้องที่สะท้อนภาพดำขาว ของแต่ละคนได้ชัดเจน ซึ่งนี่เป็นจุดไคลแม็กซ์ของเรื่องที่ Alice ต้องปกป้องน้องชาย ของตัวเอง และเรื่องราวปมต่างก็ก็ยังเป็นปริศนาต่อไป เมื่อมันยังมีฆาตรกรที่ใช้หอกขว้างอย่างชำนาญปรากกในป่า ซึ่งมันมีความพลิกแพลงของคดีจน Rayburn เองก็คาดเดาไม่ถูก
Nikolaj Coster‑Waldau แบกหนังทั้งเรื่องไว้เพียงคนเดียวในจุดนี้ (ซึ่งไม่ค่อยชอบ) เพราะจริงๆ มันเล่นประเด็นไคลแม็กซ์ได้สนุกเลยล่ะไม่ต้องเป็นแอ็คชันก็ได้ แต่ด้วยความที่ไม่กล้าไปต่อมันเลยวกกลับมาขมวดปมให้กลายเป็นดราม่าสืบสวนเข้มข้นครึ่งหลัง ในการเทียบเวลาหาฆาตรกร ซ้ำปมของฆาตรกรเองกลับเบาบางซึ่งทำให้หนังเรื่องนี้เกือบจะดี, ไม่ว่ายังไงทั้งนี้ทั้งนั้น The Silencing ก็ยังมีความสนุก ของการดำเนินเรื่องและระทึกขวัญสร้างความบันเทิงได้อยู่แบบไม่ต้องกลัวเสียดายเวลาเหมือน Monster Hunter
สรุป 6.5/10 เพลินๆ สนุกๆ เกือบจะดีแล้ว