The Skin I Live in (2011) ความวิปริตในจิตใจของมนุษย์

ขึ้นชื่อว่าผู้กำกับคือ Pedro Almodóvar แล้ว หนัง หรือ ภาพยนตร์ทุกเรื่องของเขาต้องหยิบเอาเรื่องศีลธรรมมาประชดประชันให้เกิดเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจ น่าขนลุก แน่นอน The Skin I Live in คือหนึ่งในหัวข้อที่พูดถึง
Pedro Almodóvar มักจะเอาเรื่องราวหมิ่นเหม่ทางศีลธรรมมาเล่นยำกับประเด็นแรงๆ ทางสังคม อย่าง Talk to Her Talk to Her, 2002 หรือ Bad Education, 2004 หรือย้อนไปถึงผลงานตะลึงช่วงแรกเช่น All About My Mother, 1999 เป็นต้น แล้วมักจะทิ้งฝันร้าย และภาพสยองขวัญติดตากับคนทั่วๆไป และมักจะสร้างประสบการณ์ที่น่ารันทดหดหู่ให้กับผู้ที่โลกสวยได้กลับไปพินิจพิเคราะห์โลกใบนี้ที่เรายืนอยู่ใหม่อีกครั้ง
โดยหนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนวนิยายฝรั่งเศสเรื่อง Mygale ของ Thierry Jonquet
คำเตือน มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์ [Spoil Alert]
The Skin I Live in เริ่มเรื่องโดยไม่ประติดประต่อเหตุการณ์เท่าใดนักให้เราต้องผูกลำดับทำความเข้าใจเอง แต่ถ้าเทียบกับ All About My Mother แล้ว The Skin I Live in กลับทำได้ดิบ และชัดกว่าในแง่การกระทำแต่ไม่ได้ละเมียดละไมแบบ All About My Mother
เกี่ยวกับคุณหมดศัลยแพทย์ Robert Ledgard (Antonio Banderas) หมอวัยกลางคนที่ภรรยาของเขาประสบอุบัติเหตุไฟครอกรถยนต์ ทำให้เขาทุ่มเทที่จะทดลองปลูกถ่ายเซลล์ของหมู (ใช่ครับ) เข้ากับเนื้อเยื่อผิวหนังของมุนษย์ให้ทนทานไฟ และ ไวรัสโรคติดต่อจากยุง ซึ่งการทดลองของเขาคือการเปลี่ยนนวัตกรรมทางกรแพทย์ แต่ในเบื้องลึกแล้วเขาไม่ได้ทดลองปลูกถ่ายเนื้อเยื่อเหล่านี้กับสัตว์กลุ่มทดลองแต่อย่างใด แต่กลับมี หญิงสาวปริศนา Vera (Elena Anaya) ผู้หนึ่งที่ถูกเขากังขังไว้แต่งกายเพียงชุดแนบเนื้อ ไม่ให้ออกจากห้องชั้นบนของคฤหาสน์ที่เต็มไปด้วยโทรทัศน์วงจรปิด และมีแม่บ้านประจำตระกูล (Marisa Paredes) เพียงคนเดียวค่อยเฝ้าดูเธอ และทุกครั้งที่คุณหมอกลับมาก็จะเฝ้าดูเธอจากหน้าจอ กับการทดลองพิลึกพิลั่นชวนสยองขวัญ
ถ้านั่นคือเรื่องราวทั้งหมดก็คงจะดีครับ แตเอาเข้าจริงๆ แล้วแกนเรื่องมันซับซ้อนยิ่งกว่านั้น
เพราะระดับความกดดัน และรุนแรงในเรื่องของการแสดงออก นั้น Pedro Almodóvar ได้พยายามข่มขืนเราทีละน้อยด้วยหนังของเขา เหมือนที่ฉากข่มขืนที่ปรากฏในหนังนั้น ก็เป็นภาพที่ชวนอ้วก และหดหู่ และระเบิดมากขึ้นในช่วงท้ายๆเมื่อ….เราได้ทราบว่า
หมอ Robert มีลูกสาว และภรรยา ใน 6 ปีก่อนภรรยาของเขามีเหตุการณ์เสียชีวิตที่น่าเศร้ากว่าโดนไฟครอก (เราจะเห็นว่าหมอ Robert ได้เคยช่วยภรรยาไว้ได้จากไฟไหม้รถยนต์แล้วไปตายเพราะเรื่องอื่น) ลูกสาวที่สติบอบช้ำก็ได้พบกับชายหนุ่มในงานเลี้ยง กำลังจะร่วมรักกัน ก็พลันคลุ้มคลั่งแล้วเสียชีวิตไปอีกคน
ความแค้นที่มีต่อทุกเรื่อง ความแค้นที่มีต่อ ชายปริศนาที่อยู่กับลูกสาวของเขา ทำให้หมอ Robert ลักพาตัวชายคนนั้นมาแปลงเพศเป็นผู้หญิง (ซึ่งภายหลังเราจะรู้ว่าคือ Vera – ชวนอ้วกมากเมื่อรู้) แล้วการล้างแค้นของหมอก็เพิ่มความจิตขึ้นคือ หมอบังคับให้ Vera (ชายคนนั้นที่ถูกจับแปลงเพศ) ต้องเป็นภรรยาของหมอ (ชวนอ้วกสุดๆ สะพรึงในความเป็นมนุษย์) เมื่อ Vera ไม่ยอมก็เลยถูกกักขังไว้บนคฤหาสน์
ซ้ำจะหาวิธีหนี Vera เองก็ใช้การเอาตัวรอดที่ชวนอ้วกอีกเหมือนกันคือ การขอให้ลูกชายอันตพาลของแม่บ้าน Zeca (Roberto Álamo) พาเธอหนี (ด้วยความที่ลูกชายของแม่บ้านก็แอบดูหน้าสวยๆ ผ่านจอภาพแล้วชอบอยู่แล้ว)
เธอใช้เล่ห์ยอมเป็นของเขาแล้วชิ่งหนีออกมาที่รถยนต์เพื่อหนีแต่เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ ทำให้เราได้ทราบทันทีว่า เมียคนก่อนไฟไหม้หน้ารับไม่ได้เลยตาย เมีย(ที่จับมาแปลงเพศและบังคับให้เป็นเมียแอบหนี) เจอไฟไหม้เหมือนกัน หมอ Robert จึงทดลองให้กลับคืนสู่สภาพเดิม
จนกระทั่งลูกชายแม่บ้านกลับมาพบ Vera อีกครั้ง ก็บุกเข้าไปข่มขีนเธอเพราะแค้น
หมด Robert เข้ามาเห็นจึง เอาปืนยิง ลูกชายแม่บ้านเสียชีวิต จนมาทราบภายหลังจากแม่บ้านในการร้องไห้ข้างศพว่า Zeca ว่าหมอ Robert กับ Zeca ลูกชายของเธอเป็นพี่น้องกัน (สรุป หมอคือลูกของแม่บ้าน หดหู่เข้าไปอีก)
Vera ยินยอมเป็นภรรยาของหมอ Robert และสัญญาว่าจะไม่หนีออกไปจาก คฤหาสน์ จนกระทั่งวางแผนหยิบปืนกระหน่ำทั้งแม่ลูก แล้วหนีออกไปสำเร็จ
ฉากที่น่าเห็นใจคือการเข้าไปหาครอบครัวเพื่อบอกกับคนในครอบครัวว่า คนที่พูดอยู่นี่ไม่ใช่ผู้หญิงชื่อ Vera แต่คือ Vincente (Jan Cornet) ชาวหนุ่มในงานรื่นเริง หรือเหยื่อในการจองเวรจิตๆ ของหมอ Robert
ดูจบแล้วหดหู่ ปนชวอ้วก และ หมดบรรยากาศโลกสวยไป 3 วัน
คะแนน 7.5 /10 ถ้าอยากรู้ว่าโลกไม่สวยเป็นยังไง ก็ลองดูครับหนังก็ดำเนินเรื่องดีอยู่ แต่จิตไปนิด